https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JHSP/issue/feed
วารสารศาสตร์สุขภาพและการศึกษา
2024-12-05T13:18:46+07:00
อาจารย์วรัญญา จิตรบรรทัด
journal.bcnnakhon@gmail.com
Open Journal Systems
<p>วารสารศาสตร์สุขภาพและการศึกษา รับบทความวิจัย และบทความวิชาการ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ด้านการพยาบาล การสาธารณสุข ด้านศิลปะการสอน การศึกษาในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ ทั้งนี้ผลงานที่ส่งมาให้พิจารณาเพื่อตีพิมพ์ ต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ในระหว่างพิจารณาตีพิมพ์ในวารสาร กำหนดออกปีละ 3 ฉบับ (ฉบับละ 5-7 บทความ) ดังนี้ ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน, ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม, ฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม</p>
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JHSP/article/view/270428
ผลของโปรแกรมส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ ในอำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช
2024-08-02T14:31:12+07:00
อลิสา บัวทอง
d.lisa@hotmail.com
<p>การวิจัยครั้งนี้แบบกึ่งทดลอง ชนิด 2 กลุ่ม วัดหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมสุขภาพ และค่าน้ำตาลในเลือดสะสมระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม หลังให้โปรแกรมความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ในอำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช คำนวณกลุ่มตัวอย่าง 102 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 51 คน และกลุ่มควบคุม 51 คน การสุ่มตัวอย่างใช้วิธีสุ่มอย่างง่าย โดยการหยิบฉลากเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมสลับกัน เครื่องมือที่ใช้เป็นเครื่องมือวัดความรู้แจ้งแตกฉานด้านสุขภาพ และโปรแกรมการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ค่า IOC ระหว่าง 0.5 – 1.00 และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ได้ค่าสัมประสิทธิ์ เท่ากับ 0.71 สถิติที่ใช้ คือ สถิติเชิงพรรณนา, Chi-square, Mann-Whitney u test และIndependent t-test</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลตนเองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 (<em>p</em>-value = 0.002) สำหรับค่าน้ำตาลสะสมในเลือดไม่แตกต่างกับกลุ่มควบคุม (<em>p</em>-value = 0.368)</p> <p>ฉะนั้น ควรนำโปรแกรมไปประยุกต์ใช้กับผู้ป่วยในคลินิกเบาหวานของโรงพยาบาลและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในเครือข่าย แต่ควรจะต้องปรับโปรแกรมโดยพิจารณาการตรวจค่าน้ำตาลในเลือดสะสมตามหลักวิชาการ</p>
2024-12-05T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครศรีธรรมราช
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JHSP/article/view/271094
ปัจจัยทำนายความเข้มแข็งทางใจของผู้สูงอายุ อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี
2024-10-02T11:34:43+07:00
กัลยารัตน์ อินทบุญศรี
awa.doctor@gmail.com
<p> การวิจัยเชิงพรรณนานี้เพื่อศึกษาความเข็มแข็งทางใจและปัจจัยทำนายความเข็มแข็งทางใจของผู้สูงอายุ อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี จำนวน 129 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามการรับรู้ภาวะสุขภาพ การสนับสนุนทางสังคม ความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน การเผชิญปัญหาและการจัดการปัญหา การเห็นคุณค่าของตนเองและความเข้มแข็งทางใจ ได้ค่าความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ระหว่าง 0.67 - 1.00 ค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาคได้เท่ากับ 0.96, 0.92, 0.72, 0.84, 0.71 และ 0.96 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติถดถอยเชิงพหุแบบขั้นตอน</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า ความเข็มแข็งทางใจของผู้สูงอายุ อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี ในภาพรวม ส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 66.67) โดยปัจจัยการเผชิญปัญหาและการจัดการปัญหา (Beta= .420) การสนับสนุนทางสังคม (Beta= .351) และการเห็นคุณค่าในตนเอง (Beta=.193) สามารถทำนายความเข้มแข็งทางใจของผู้สูงอายุ อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 โดยอธิบายความแปรปรวนได้ร้อยละ 41.20 (adjR<sup>2</sup> = .412)</p> <p> ดังนั้น โรงพยาบาลชุมชนควรส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเผชิญปัญหาและการจัดการปัญหา เห็นในคุณค่าตนเอง ตลอดจนการสนับทางสังคมด้านอารมณ์ ให้ข้อมูลข่าวสาร สนับสนุนวัตถุสิ่งของ การเงิน การสนับสนุนอาชีพ ตลอดจนยกย่องเชิดชูจากสังคม</p>
2024-12-16T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครศรีธรรมราช
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JHSP/article/view/271283
ผลของโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายแบบ D-METHOD ต่อความรู้และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยวัณโรคในหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลสะเดา
2024-11-11T08:15:33+07:00
เนตรชนก จุละวรรณโณ
jock2667@gmail.com
กิตติพร เนาว์สุวรรณ
Jock2667@gmail.com
<p> การวิจัยแบบกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายแบบ DMETHOD ต่อความรู้และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยวัณโรคในหอผู้ป่วยใน โรงพยาบาลสะเดา ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 – เมษายน พ.ศ. 2567 จำนวน 27 ราย คัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ตามคุณสมบัติตามเกณฑ์คัดเข้า เครื่องมือที่ใช้วิจัย ประกอบด้วย โปรแกรมการวางแผนจำหน่ายแบบ DMETHOD แบบทดสอบความรู้ และแบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลตนเอง ได้ค่าความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์เท่ากับ 0.67 - 1.00 ค่าความเชื่อมั่น KR20 เท่ากับ 0.71 และค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค เท่ากับ 0.82 ตามลำดับ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ Dependent t-test</p> <p> ผลการศึกษา พบว่า หลังเข้าร่วมโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายแบบ DMETHOD ความรู้และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001</p> <p> ดังนั้น ควรนำโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายแบบ DMETHOD ไปใช้ในการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยโรควัณโรคที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยใน ตลอดจนนำคลิป VDO ที่เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมไปเผยแพร่เป็นสื่อให้ความรู้ผ่านจอโทรทัศน์ของโรงพยาบาลเพื่อให้ความรู้แก่ผู้รับบริการในแผนกผู้ป่วยนอกและขยายผลลงสู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลต่อไป</p>
2024-12-16T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครศรีธรรมราช