วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH <p>วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิตเป็นวารสารวิชาการที่จัดทำขึ้นโดยสมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่บทความวิชาการ นวัตกรรม และผลงานวิจัยทางการพยาบาลจิตเวช สุขภาพจิต และสาขาที่เกี่ยวข้อง กำหนดออกวารสาร ปีละ 3 ฉบับที่ 1) มกราคม – เมษายน ฉบับที่ 2) พฤกษาคม – สิงหาคม และ ฉบับที่ 3) กันยายน - ธันวาคม</p> th-TH <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์แล้ว เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย</p> Dr.jeab2509@gmail.com (ผศ.ดร.กาญจนา สุทธิเนียม) psychonursejournal@gmail.com (นางสาวสาวิตรี แสงสว่าง) Mon, 21 Oct 2024 20:56:44 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ผลของโปรแกรมการพยาบาลที่บ้านร่วมกับการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนต่อปัญหาพฤติกรรมและจิตใจของผู้สูงอายุสมองเสื่อมในชุมชน https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/264561 <p> <strong>วัตถุประสงค์ :</strong> เพื่อเปรียบเทียบปัญหาพฤติกรรมและจิตใจของผู้สูงอายุสมองเสื่อมในชุมชนก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการพยาบาลที่บ้านร่วมกับการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน</p> <p> <strong>วิธีการศึกษา :</strong> การวิจัยกึ่งทดลองกลุ่มเดียว โดยใช้แนวคิดการดูแลโดยยึดบุคคลเป็นศูนย์กลาง นำมาประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้สูงอายุสมองเสื่อมที่มีปัญหาพฤติกรรมและจิตใจในชุมชน ประกอบด้วย 6 ขั้นตอนคือ 1) ให้ความรู้เรื่องภาวะสมองเสื่อมกับผู้ดูแลผู้สูงอายุ และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 2) สร้างสัมพันธภาพ/การประเมินสภาพผู้ป่วยและครอบครัว 3) การวางแผนการพยาบาลตามความต้องการและสภาพปัญหา 4) การให้ความรู้ /ฝึกทักษะ เพื่อฟื้นฟูสภาพ 5) การจัดสิ่งแวดล้อม 6) การติดตามประเมินผล เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูล Neuropsychiatric Inventory Questionnaire Thai version (NPI-Q Thai) ค่าความเชื่อมั่น .95 เก็บข้อมูลกับผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปจำนวน 30 คน ระหว่างเดือนมีนาคม - กรกฎาคม พ.ศ. 2566 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ Paired t-test</p> <p> <strong>ผลการศึกษา :</strong> ปัญหาพฤติกรรมและจิตใจของผู้สูงอายุสมองเสื่อมในชุมชนหลังได้รับโปรแกรมพบน้อยกว่าก่อนได้รับโปรแกรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (<em>p</em>-value &lt; .01)</p> <p> <strong>สรุป :</strong> ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าโปรแกรมการพยาบาลที่บ้านร่วมกับการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน สามารถลดปัญหาพฤติกรรมและจิตใจของผู้สูงอายุสมองเสื่อมในชุมชน</p> บุษกล ศุภอักษร Copyright (c) 2024 สมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/264561 Mon, 21 Oct 2024 00:00:00 +0700 ผลของการเสนอตัวแบบจริงต่อพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการใช้สารแอมเฟตามีน https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/264364 <p> <strong>วัตถุประสงค์ :</strong> เพื่อศึกษาผลของการเสนอตัวแบบจริงต่อพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการใช้สารแอมเฟตามีน</p> <p> <strong>วิธีการศึกษา :</strong> การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการใช้สารแอมเฟตามีนที่เข้ารับการบำบัดรักษาในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลในสังกัดกรมสุขภาพจิต จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 40 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างตามเกณฑ์การคัดเข้า สุ่มเข้ากลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 20 คน โดยการสุ่มแบบง่ายด้วยวิธีจับฉลาก กลุ่มทดลองได้รับการเสนอตัวแบบจริง ส่วนกลุ่มควบคุมได้รับการดูแลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบคัดกรองประสบการณ์การใช้สารเสพติดประเภทแอมเฟตามีน (ASSIST-ATS) มีค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือเท่ากับ 0.82 และ 3) การเสนอตัวแบบจริง ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นตามแนวคิดของแบนดูรา (Bandura, 1986) ประกอบด้วย 6 กิจกรรม กิจกรรมละ 45 - 60 นาที 2 ครั้งต่อสัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติทดสอบค่าที</p> <p> <strong>ผลการศึกษา :</strong> 1) คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนของกลุ่มทดลอง ในระยะ 1 เดือน หลังได้รับการบำบัดต่ำกว่าก่อนได้รับการบำบัดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em> &lt; .05) 2) คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีน ในระยะ 1 เดือน หลังได้รับการบำบัดของกลุ่มทดลองต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em> &lt; .05)</p> <p> <strong>สรุป :</strong> การบำบัดด้วยการเสนอตัวแบบจริงสามารถลดพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนได้ จึงควรมีการนำการบำบัดด้วยการเสนอตัวแบบจริงไปใช้ในการลดพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการใช้สารแอมเฟตามีนต่อไป</p> ปาลิดา พละศักดิ์, ชาลินี สุวรรณยศ, หรรษา เศรษฐบุปผา Copyright (c) 2024 สมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/264364 Mon, 21 Oct 2024 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบค้นหาและคัดกรองภาวะซึมเศร้าของกลุ่มผู้สุงอายุในชุมชนเมืองนครราชสีมาด้วยเทคโนโลยีเคลื่อนที่และการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/265583 <p> <strong>วัตถุประสงค์ :</strong> 1) เพื่อศึกษาบริบทที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้าและขั้นตอนวิธีการค้นหาและคัดกรองภาวะซึมเศร้าของกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนเมืองนครราชสีมา 2) เพื่อพัฒนาระบบค้นหาและคัดกรองภาวะซึมเศร้าของกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนเมืองนครราชสีมา และ 3) เพื่อประเมินผลระบบค้นหาและคัดกรองภาวะซึมเศร้าของกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนเมืองนครราชสีมา</p> <p> <strong>วิธีการศึกษา :</strong> การพัฒนาระบบค้นหาและคัดกรองภาวะซึมเศร้าของกลุ่มผู้สุงอายุในชุมชนเมืองนครราชสีมา ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงพัฒนาด้วยรูปแบบการพัฒนาระบบแบบน้ำตก โดยสำรวจและศึกษาบริบทภาวะซึมเศร้าของกลุ่มผู้สูงอายุในเขตพื้นที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขของศูนย์แพทย์ชุมชนวัดบูรพ์ จากนั้นพัฒนาระบบค้นหาและคัดกรองภาวะซึมเศร้าฯ ในรูปแบบของแอปพลิเคชันที่ทำงานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ และประเมินผลการพัฒนาระบบด้วยแบบประเมินความพึงพอใจ 5 ระดับ กับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ในสังกัดโรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา จำนวน 20 ราย</p> <p> <strong>ผลการศึกษา :</strong> การศึกษาวิธีคัดกรองภาวะซึมเศร้า พบว่า การคัดกรองภาวะซึมเศร้าใช้แบบประเมินภาวะซึมเศร้าที่นำคำตอบของผู้รับการประเมินมาเปลี่ยนเป็นระดับคะแนนและระดับภาวะซึมเศร้า ส่วนการพัฒนาระบบค้นหาและคัดกรองภาวะซึมเศร้า ได้ใช้รูปแบบการพัฒนาระบบแบบน้ำตก ในการพัฒนาเป็นแอปพลิเคชัน “ประเมินซึมเศร้า NRRU” ที่ทำงานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และการประเมินผลการพัฒนาระบบฯ พบว่า ระดับความพึงพอใจอยู่ในเกณฑ์ “ดีมาก” ทุกรายการ โดยมีค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจ อยู่ระหว่าง 4.40 - 4.80</p> <p> <strong>สรุป :</strong> ระบบค้นหาและคัดกรองภาวะซึมเศร้าของงานวิจัยนี้ ได้พัฒนาเป็นแอปพลิเคชัน “ประเมินซึมเศร้าNRRU” โดยอาสาสมัครสาธารณสุขสามารถใช้แอปพลิเคชัน “ประเมินซึมเศร้า NRRU” เพื่อค้นหาและคัดกรองภาวะซึมเศร้าของกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนได้</p> รณชัย ชื่นธวัช, ศิริพร เลิศยิ่งยศ, ภัทรีญา ชุมชิต Copyright (c) 2024 สมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/265583 Mon, 21 Oct 2024 00:00:00 +0700 ผลของโปรแกรมเสริมสร้างพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการใช้สารแอมเฟตามีน https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/264368 <p> <strong>วัตถุประสงค์ :</strong> เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมเสริมสร้างพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการใช้สารแอมเฟตามีน</p> <p> <strong>วิธีการศึกษา :</strong> กลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการใช้สารแอมเฟตามีนที่เข้ารับการบำบัดแบบผู้ป่วยในของโรงพยาบาลสวนปรุง จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบคัดกรองประสบการณ์การใช้สารเสพติดประเภทแอมเฟตามีน (ASSIST-ATS) 3) แบบประเมินการรับรู้พลังอำนาจ และ 4) โปรแกรมเสริมสร้างพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการใช้สารแอมเฟตามีน ซึ่งผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้นตามแนวคิดการเสริมสร้างพลังอำนาจของกิบสัน 4 ขั้นตอน (Gibson, 1995) โดยดำเนินกิจกรรมสัปดาห์ละ 1 ขั้นตอน ใช้เวลากิจกรรมละ 60 นาที รวมทั้งหมด 6 กิจกรรม รวมระยะเวลา 4 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติทดสอบค่าที ชนิด 2 กลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน และสถิติทดสอบค่าที ชนิด 2 กลุ่มที่ไม่เป็นอิสระต่อกัน</p> <p> <strong>ผลการศึกษา :</strong> คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนของกลุ่มทดลองในระยะ 1 เดือน หลังได้รับโปรแกรมต่ำกว่าก่อนได้รับโปรแกรมเสริมสร้างพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการใช้สารแอมเฟตามีนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em> &lt; .01) และต่ำกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em> &lt; .05)</p> <p> <strong>สรุป :</strong> ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า โปรแกรมเสริมสร้างพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการใช้สารแอมเฟตามีน สามารถเพิ่มพลังอำนาจ และลดพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนได้ จึงควรมีการนำโปรแกรมนี้ไปใช้ในการลดพฤติกรรมการใช้สารแอมเฟตามีนในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการใช้สารแอมเฟตามีนต่อไป</p> สาวิตรี ศตคุณากร, ชาลินี สุวรรณยศ, หรรษา เศรษฐบุปผา Copyright (c) 2024 สมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/264368 Mon, 21 Oct 2024 00:00:00 +0700 การพัฒนาโปรแกรมการแก้ปัญหาเพื่อลดภาวะซึมเศร้าและพฤติกรรมการดื่มสุราในผู้ป่วยโรคติดสุรา https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/266274 <p> <strong>วัตถุประสงค์ :</strong> เพื่อพัฒนาและทดสอบประสิทธิผลโปรแกรมการแก้ปัญหาเพื่อลดภาวะซึมเศร้าและพฤติกรรมการดื่มในผู้ป่วยโรคติดสุรา</p> <p> <strong>วิธีการศึกษา :</strong> เป็นการวิจัยและพัฒนา แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะพัฒนาโปรแกรม และระยะทดสอบประสิทธิผลโปรแกรม กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยโรคติดสุราที่มีภาวะซึมเศร้าที่ตรงตามเกณฑ์จำนวน 56 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 29 คน และกลุ่มควบคุม 27 คน วัดผลก่อน หลังทดลอง และติดตามผล 1 และ 3 เดือน เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย 1) โปรแกรมการแก้ปัญหา 2) แบบประเมินโรคซึมเศร้า 9 คำถาม (PHQ 9) 3) แบบประเมินพฤติกรรมการดื่มสุรา (AUDIT) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติไคสแควร์ สถิติที การทดสอบด้วยฟิชเชอร์เอ็กแซค การทดสอบของวิลคอกซัน และการทดสอบแมนน์-วิทนีย์ ยู</p> <p> <strong>ผลการศึกษา :</strong> 1)โปรแกรมการแก้ปัญหาที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย การบำบัดทั้งหมด 6 ขั้นตอน ดังนี้ (1) การฝึกการทำความเข้าใจปัญหา (2) การฝึกค้นหาปัญหา (3) การฝึกการสร้างหรือหาทางเลือกในการแก้ปัญหา (4) การฝึกตัดสินใจเลือกวิธีแก้ปัญหา (5) การฝึกลงมือแก้ปัญหาและการตรวจสอบผลการแก้ปัญหา และ (6) การคงไว้ซึ่งทักษะการแก้ปัญหาและการขยายผล และ 2) ผลของโปรแกรม พบว่าคะแนนเฉลี่ยภาวะซึมเศร้าของกลุ่มทดลองก่อนการได้รับโปรแกรมกับหลังได้รับโปรแกรม ระยะติดตามผล 1 เดือน และ 3 เดือน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em> &lt; .05) คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดื่มสุราของกลุ่มทดลองก่อนได้รับโปรแกรมกับระยะติดตามผล 1 เดือน และ 3 เดือน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em> &lt; .05) และเมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยภาวะซึมเศร้าของ กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองก่อนการได้รับโปรแกรมกับหลังได้รับโปรแกรม ระยะติดตามผล 1 เดือน และ 3 เดือน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em> &lt; .05) และคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดื่มสุราของกลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลองก่อนการได้รับโปรแกรมกับระยะติดตามผล 1 เดือน และ 3 เดือน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em> &lt; .05)</p> <p> <strong>สรุป :</strong> โปรแกรมการแก้ปัญหาสามารถลดภาวะซึมเศร้า และพฤติกรรมการดื่มสุราของผู้ป่วยโรคติดสุราที่มีภาวะซึมเศร้าได้ และหลังการบำบัดเมื่อติดตามผลในระยะ 1 และ 3 เดือน พบว่า คะแนนเฉลี่ยภาวะซึมเศร้า และคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดื่มสุราลดลง อย่างไรก็ตามควรมีการติดตามผลระยะยาวอย่างน้อย 6 เดือนหลังสิ้นสุดโปรแกรม เพื่อดูประสิทธิผลของโปรแกรมต่อไป</p> อรัญญา แพจุ้ย, นภัสสรณ์ รังสิเวโรจน์, ลษิตา ศรีธรรมชาติ, อมรรัตน์ ชัยนนถี, รุ่งทิวา ใจจา Copyright (c) 2024 สมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/266274 Mon, 21 Oct 2024 00:00:00 +0700 ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางใจต่อความเครียดและภาวะซึมเศร้าของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต สถานศึกษาแห่งหนึ่ง https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/263154 <p> <strong>วัตถุประสงค์ :</strong> เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางใจ ต่อ ความเครียดและภาวะซึมเศร้าของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต</p> <p> <strong>วิธีการศึกษา :</strong> การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง รูปแบบการวิจัยเป็นแบบสองกลุ่ม วัดสองครั้ง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างตามเกณฑ์การคัดเลือก 40 คน สุ่มเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 20 คน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางใจ ส่วนกลุ่มควบคุมได้รับการดูแลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบประเมินความเครียด แบบวัดภาวะซึมเศร้า ของกรมสุขภาพจิต และโปรแกรมเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติที</p> <p> <strong>ผลการศึกษา :</strong> 1) กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนนความเครียดและค่าเฉลี่ยคะแนนภาวะซึมเศร้าต่ำกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em> &lt; .01) 2) หลังการทดลองค่าเฉลี่ยคะแนนความเครียดและค่าเฉลี่ยคะแนนภาวะซึมเศร้าของกลุ่มทดลองต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em> &lt; .01)</p> <p> <strong>สรุป :</strong> โปรแกรมการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางใจสามารถลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตได้</p> สุภารัตน์ อภิติกุลวงษ์, ประกาศิต พูลวงษ์, จารุวรรณ ก้านศรี, ภัทรวดี ศรีนวล Copyright (c) 2024 สมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JPNMH/article/view/263154 Mon, 21 Oct 2024 00:00:00 +0700