https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThaiJPEN/issue/feed
Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด
2025-06-19T14:30:46+07:00
Narisorn Lakananurak
thaijpen@gmail.com
Open Journal Systems
<p>วารสารโภชนบำบัดเป็นวารสารของสมาคมผู้ให้อาหารทางหลอดเลือดดำและทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย ตีพิมพ์ปีละ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน ฉบับที่ กรกฎาคม-ธันวาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ</p> <p>เผยแพร่ความรู้ด้านโภชนาการแก่บุคลากรทางสาธารณสุขที่มีความสนใจด้านโภชนาการ</p> <p>เผยแพร่ผลงานด้านวิชาการและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความรู้ด้านโภชนาการ ของแพทย์ เภสัชกร พยาบาล นักกำหนดอาหารและนักโภชนาการ</p> <p>ส่งเสริมให้สมาชิกของสมาคมผู้ให้อาหารทางหลอดเลือดดำและทางเดินอาหารแห่งประเทศไทยมีการศึกษาต่อเนื่อง และพัฒนาองค์ความรู้ให้เป็นปัจจุบัน</p> <p> </p> <p>กระบวนการพิจารณาบทความ</p> <p>บทความทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 2 ท่าน แบบผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่งไม่ทราบชื่อซึ่งกันและกัน (double-blinded review)</p>
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThaiJPEN/article/view/265650
โปรตีนจากพืช และโปรตีนจากสัตว์
2024-01-03T12:54:10+07:00
ยุวดี พัฒนะมนตรี
ypningy@gmail.com
<p>โปรตีนเป็นสารอาหารหนึ่งที่ให้พลังงานต่อร่างกาย มีโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดจากการเรียงตัวของกรดอะมิโนจำนวนมากที่เชื่อมต่อกันด้วยพันธะเปปไทด์ โปรตีนและกรดอะมิโนนับเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิต อย่างไรก็ตามมีกรดอะมิโนอยู่ 9 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้และจำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่เรียกว่า กรดอะมิโนจำเป็น เมื่อเราบริโภคโปรตีนไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน ร่างกายจะสลายกล้ามเนื้อส่งผลให้มีปริมาณกล้ามเนื้อลดลง การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ผิดปกติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นการบริโภคโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันตามคำแนะนำจึงเป็นสิ่งจำเป็น<br />แหล่งอาหารที่มีโปรตีนพบได้ในอาหารทั่วไปตามธรรมชาติ แบ่งเป็นโปรตีนจากพืช และโปรตีนจากสัตว์โดยโปรตีนจากสัตว์มักเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพดี ส่วนโปรตีนจากพืชมักมีกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่ครบ แต่มีข้อดีคือ โปรตีนจากพืชมักมีไขมันต่ำไม่มีคอเลสเตอรอล อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน และมีใยอาหารสูง ดังนั้นจึงควรศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อให้ทราบถึงข้อดี ข้อเสีย และผลกระทบที่มีต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว</p>
2025-06-19T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThaiJPEN/article/view/269122
ไขมันและน้ำมัน: การทบทวนประเภทและผลกระทบต่อสุขภาพ
2024-05-13T22:05:29+07:00
ชณิตา อุณหพิพัฒพงศ์
chanita@kkumail.com
สุรณัฐ เจริญศรี
Spentcenter@gmail.com
วีระเดช พิศประเสริฐ
Spentcenter@gmail.com
<p>โรคไม่ติดต่อเรื้อรังถือเป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ คือ การเลือกบริโภคอาหารโดยเฉพาะไขมันและน้ำมันที่ปรุงอาหาร ซึ่งหากเลือกบริโภคชนิดของไขมันหรือน้ำมันที่เหมาะสม อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังรวมถึงโรคอ้วน และโรคไขมันผิดปกติได้อีกด้วย ผลกระทบของการบริโภคไขมันอิ่มตัวที่มาจากสัตว์และน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวมากจากพืช ส่งผลต่อปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดแตกต่างกันควรพิจารณาเลือกบริโภคน้ำมันที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวทดแทนการบริโภคไขมันอิ่มตัว นอกจากนี้ควรพิจารณาถึงวิธีการปรุงอาหาร ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกน้ำมันและไขมันในอาหาร เนื่องจากจุดเกิดควันของไขมันหรือน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารจะต้องสอดคล้องกับวิธีการปรุงอาหาร อีกทั้งน้ำมันที่ใช้ทอดควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันทอดซ้ำ เนื่องจากมีโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ควรพิจารณาคอเลสเตอรอลในอาหาร แม้ว่าคอเลสเตอรอลในอาหารไม่ได้ส่งผลต่อการเพิ่มระดับไขมันในเลือดมากนัก แต่อาหารที่บริโภคร่วมกันกับอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เช่น เนื้อสัตว์แปรรูป และประเภทของไขมันที่ใช้เป็นส่วนประกอบอาหาร เช่น เนย อาจเพิ่มระดับไขมันในเลือด และส่งผลต่อความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นควรบริโภคอาหารที่สมดุล และควรตระหนักถึงชนิดของไขมันในอาหารและน้ำมันที่บริโภคร่วมด้วย บทความนี้จึงเป็นการทบทวนวรรณกรรมเพื่อการทำความเข้าใจบทบาทของน้ำมันบริโภคประเภทต่าง ๆ ผลกระทบต่อโรคอ้วน และผลกระทบต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด</p>
2025-06-19T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThaiJPEN/article/view/269613
การศึกษานำร่องเกี่ยวกับผลของการจำกัดโปรตีนต่อการชะลอการบำบัดทดแทน ไตในผู้ป่วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดที่มีไตวายเฉียบพลัน
2024-06-12T12:03:54+07:00
พิธาน วงศ์คงคาเทพ
Spentcenter@gmail.com
พิชญ ตันติยวรงค
Spentcenter@gmail.com
ศานิต วิชานศวกุล
wichansawakun@gmail.com
<p><strong>บทนำ</strong>: ภาวะไตวายฉับพลันเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด โดยคำแนะนำด้านการดูแลโภชนาการในผู้ป่วยไตวายเฉียบพลัน แนะนำให้เพิ่มปริมาณโปรตีนในอาหารเพื่อช่วยลดการเกิดสมดุลไนโตรเจนเป็นลบ อย่างไรก็ตาม แพทย์ยังคงกังวลเรื่องการเพิ่มขึ้นของค่ายูเรียไนโตรเจนในเลือดจากการให้โปรตีนปริมาณสูง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต ในทางกลับกันการจำกัดโปรตีนอาจนำมาซึ่งผลลบต่อผู้ป่วยวิกฤต ดังนั้นปริมาณโปรตีนที่ควรได้รับในผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันยังคงต้องการข้อมูลการศึกษาเพิ่มเติม</p> <p><br /><strong>วัตถุประสงค์การศึกษา</strong>: เพื่อศึกษาผลของการจำกัดโปรตีนต่อการชะลอการได้รับการบำ บัดทดแทนไตในผู้ป่วยโลหิตเป็นพิษที่มีภาวะไตวายเฉียบพลัน</p> <p><br /><strong>วิธีดำเนินการวิจัย</strong>: การทดลองแบบสุ่มเปิดเผยสองฝ่ายในผู้ป่วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และมีภาวะไตวายเฉียบพลัน โดยอาสาสมัครในกลุ่มทดลองจะได้รับการสุ่มให้ได้โปรตีนจำกัด ที่ 0.9-1 กรัม/กิโลกรัม/วัน และกลุ่มควบคุมจะได้โปรตีนที่ 1.2-1.5 กรัม/กิโลกรัม/วัน โดยทั้งสองกลุ่มได้รับการดูแลด้านโภชนาการอื่น ๆ ที่เหมือนกัน</p> <p><br /><strong>ผลการศึกษา</strong>: ผู้เข้าร่วมการศึกษา 25 คนได้รับการสุ่มเป็นสองกลุ่ม โดยอายุเฉลี่ยของกลุ่มทดลอง และ กลุ่มควบคุม คือ 75.3 ± 18.7, 75.7 ± 18.5 ปี ตามลำ ดับ (p = 0.96) พื้นฐานอัตราการกรองไต คือ 77.8 ± 20, 68.5 ± 18.2 มิลลิลิตร/นาที/1.73 เมตร2 (p = 0.23) เวลาเฉลี่ยตั้งแต่เข้าการศึกษาจนถึงเมื่อต้องได้รับการบำบัดทดแทนไตไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งสองกลุ่ม (p = 0.966) ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติต่อร้อยละของการเสียชีวิตที่ 30 วัน จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อแทรกซ้อนในโรงพยาบาล และการติดเชื้อในกระแสโลหิตจากสายสวนทางหลอดเลือดดำ (ร้อยละ 50 และ 38.5, p 0.561), (ร้อยละ 75 และร้อยละ 61.5, p 0.673) และ (ร้อยละ 16.7 และ 0, p 0.22), ตามลำดับ</p> <p><strong>บทสรุป</strong>: ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของระยะเวลาตั้งแต่เข้าการศึกษาจนถึงเมื่อต้องได้รับการบำบัดทดแทนไตระหว่างกลุ่มที่ได้รับโปรตีน 0.9-1 กรัม/กิโลกรัม/วัน และกลุ่มที่ได้รับโปรตีนที่ 1.2-1.5 กรัม/กิโลกรัม/วัน ดังนั้นการได้รับโปรตีนลดลงอาจไม่ช่วยชะลอการบำบัดทดแทนไต ในผู้ป่วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดที่มีภาวะไตวายเฉียบพลัน</p>
2025-06-19T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThaiJPEN/article/view/271014
การศึกษาประสิทธิผลการใช้สื่อการสอนชุดวิธีการเตรียมอาหารทางสายให้อาหาร ในผู้ป่วยกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน
2024-10-18T15:05:20+07:00
กาญจนา ฉิมเรือง
jkanjana2017@gmail.com
พรพิศ เรืองขจร
Spentcenter@gmail.com
<p><strong>บทนำ</strong>: ผู้ป่วยที่มารักษาในโรงพยาบาล ร้อยละ 30-40 มักจะมีภาวะทุพโภชนาการมาก่อน แม้ผู้ป่วยบางรายจะไม่มีภาวะทุพโภชนาการอยู่เดิมแต่จากโรคที่ผู้ป่วยเป็นอุบัติเหตุที่ผู้ป่วยได้รับและการผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยต้องการพลังงานและสารอาหารเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นต้องได้รับอาหารทางสายให้อาหาร ทำให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลเกิดความวิตกกังวลเรื่องการเตรียมอาหารทางสายให้อาหารเมื่อกลับไปอยู่บ้าน จึงได้มีการจัดทำชุดวิธีการเตรียมอาหารทางสายให้อาหารสำหรับผู้ป่วยพักรักษาตัวที่บ้าน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารถูกต้อง ครบถ้วน ตามคำสั่งแพทย์สอดคล้องตามแผนการรักษา</p> <p><br /><strong>วัตถุประสงค์</strong>: เพื่อศึกษาประสิทธิผลการใช้สื่อการสอน ชุดวิธีการเตรียมอาหารทางสายให้อาหาร สำหรับผู้ป่วยพักรักษาตัวที่บ้านให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารถูกต้อง ครบถ้วน ตามคำสั่งแพทย์สอดคล้องกับแผนการรักษา</p> <p><br /><strong>วิธีการศึกษา</strong>: ผู้ป่วยอาสาสมัครจำนวน 100 ราย ได้รับการแนะนำเรียนรู้ปฏิบัติวิธีการเตรียมอาหารเป็นรายบุคคลและได้รับการติดตามหลังกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน เดือนละ 1 ครั้ง ระยะเวลา 2 เดือน</p> <p><br /><strong>ผลการศึกษา</strong>: พบว่าหลังการใช้สื่อการสอนชุดวิธีการเตรียมอาหารทางสายให้อาหาร ผู้ป่วยญาติสามารถเตรียมอาหารทางสายให้อาหารถูกต้อง ครบถ้วน ตามคำสั่งแพทย์การศึกษานี้การเปรียบเทียบระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน มีความรู้ความเข้าใจวิธีการเตรียมอาหารทางสายให้อาหาร Pre-test 1.37 (0.75) จากคะแนนเต็ม 5 หลังเข้าโครงการมีความรู้ความเข้าใจวิธีการเตรียมอาหารทางสายให้อาหารเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ Post-test 4.46 (2.45) จากคะแนนเต็ม 5 Mean difference (95%CI) 3.09 (2.58,3.60) และค่า p-value <0.001</p> <p><br /><strong>สรุป</strong>: ผู้ป่วยญาติสามารถเตรียมอาหารได้ถูกต้อง สะอาด ครบถ้วน ตามคำสั่งแพทย์หลังจากได้รับความรู้เพิ่มขึ้นจากสื่อการสอนชุดวิธีการเตรียมอาหารทางสายให้อาหารที่เข้าใจง่าย มีภาพประกอบและวิธีการเตรียมอาหารที่ชัดเจนสามารถช่วยลดการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร และลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะทุพโภชนาการในผู้ป่วยได้</p>
2025-06-19T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThaiJPEN/article/view/269597
ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการกับพฤติกรรม การบริโภคผัก ผลไม้ และอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุของเด็กวัยเรียน ตำบลวังชิ้น อำ เภอวังชิ้น จังหวัดแพร่
2024-06-13T09:40:07+07:00
จีรภัทร์ รัตนชมภู
tik.jeeraphat@gmail.com
ขวัญหทัย มงคล
Spentcenter@gmail.com
<p>ความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการ เป็นแนวคิดที่สำคัญในการส่งเสริมสุขภาพของเด็กวัยเรียน การศึกษาครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการกับพฤติกรรมการบริโภคผัก ผลไม้และอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุของเด็กวัยเรียน ตำบลวังชิ้น อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ มีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 167 คน ศึกษาอยู่ในโรงเรียนในพื้นที่ตำบลวังชิ้น อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือการวิจัย และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วยสถิติ Chi-Square ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 65.9 มีการบริโภคผักอยู่ในระดับต่ำ และร้อยละ 73.1 มีการบริโภคผลไม้อยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ร้อยละ 19.8 มีการบริโภคอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุระดับสูงอย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ (ร้อยละ53.9) มีความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการอย่างเพียงพอ โดยความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการบริโภคผัก (x<sup>2</sup> = 4.229, p-value = 0.040) พฤติกรรมการบริโภคผลไม้ (x<sup>2</sup> = 4.045, p-value = 0.044) และพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุ (x<sup>2</sup> = 2.085, p-value = 0.024) ดังนั้นการส่งเสริมให้เด็กวัยเรียนมีพฤติกรรมการบริโภคผัก ผลไม้และลดการบริโภคอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุมีความจำเป็นต้องสร้างความรอบรู้ด้านอาหารและโภชนาการควบคู่กับการสร้างความร่วมมือของครอบครัว โรงเรียนและชุมชน</p>
2025-06-19T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Thai JPEN วารสารโภชนบำบัด