วารสารสาธารณสุข มหาวิทยาลัยบูรพา
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/phjbuu
<p>วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา เป็นวารสารด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่เผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ (มกราคม-มิถุนายน และ กรกฎาคม-ธันวาคม)โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานทางวิชาการของบุคลากรด้านสาธารณสุข วิทยาศาสตร์การแพทย์ และวิทยาศาสตร์สุขภาพ ทั้งนี้ได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) และอยู่ในฐานข้อมูล TCI กลุ่ม 2 (รอบประเมินที่ 4 พ.ศ. 2563-2567 ครั้งที่ 3) บทความในวารสารฯ ทุกเรื่องจะผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ก่อนการเผยแพร่บทความ (Double blinded peer review) ผู้สนใจสามารถส่งบทความเพื่อขอรับการพิจารณาตีพิมพ์ได้ทางระบบออนไลน์</p> <p> </p> <p>ISSN 2821-9856 (Online)</p>
Faculty of Public Health, Burapha University
th-TH
วารสารสาธารณสุข มหาวิทยาลัยบูรพา
2821-9856
-
ผลกระทบคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในอำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/phjbuu/article/view/265821
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลที่มีต่อผลกระทบคุณภาพชีวิต ของผู้สูงอายุด้านร่างกาย ด้านจิตใจ ด้านความสัมพันธ์ทางสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม ในอำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ของผู้สูงอายุ จำนวน 385 คน จากวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่น .90 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนพหุคูณ (MANOVA) ผลการศึกษาพบว่า ผลกระทบคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ภาพรวมอยู่ในระดับน้อย ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\overline{x}" alt="equation" /> = 1.75) โดยผลกระทบด้านร่างกาย อยู่ในระดับน้อย ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\overline{x}" alt="equation" /> = 1.87) ผลกระทบด้านจิตใจ อยู่ในระดับน้อย ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\overline{x}" alt="equation" /> = 1.84) ผลกระทบด้านความสัมพันธ์ทางสังคม อยู่ในระดับน้อย (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\overline{x}" alt="equation" /> = 1.57) และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของผู้สูงอายุ อยู่ในระดับน้อย (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\overline{x}" alt="equation" /> = 1.73) และการเปรียบเทียบผลกระทบคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุจำแนกตามเพศ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา ลักษณะครอบครัว และรายได้ ภาพรวมพบว่า ด้านร่างกาย ด้านจิตใจด้านความสัมพันธ์ทางสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ</p>
ดวงรัตน์ เหลืองอ่อน
กัลยา มั่นล้วน
ชุติมา สร้อยนาค
Copyright (c) 2024 วารสารสาธารณสุข มหาวิทยาลัยบูรพา
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-09-30
2024-09-30
19 2
1
12
-
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมดูแลตนเองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองของชุมชนบ้านบ้งมั่ง จังหวัดอุบลราชธานี
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/phjbuu/article/view/269510
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมดูแลตนเองของผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในชุมชนบ้านบ้งมั่ง จังหวัดอุบลราชธานี และการวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาแบบภาคตัดขวาง เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง การป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และปัจจัยที่มีความ สัมพันธ์ต่อการดูแลตนเองของผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงจำนวน 58 คน โดยเก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ และค่าสถิติไคสแควร์ ผลการศึกษาพบว่าส่วนปัจจัยนำกลุ่มตัวอย่างมีความรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองในระดับสูงร้อยละ 96.6 ส่วนปัจจัยเอื้อกลุ่มตัวอย่างมีการเข้าถึงบริการสุขภาพมากที่สุดคือ ด้านการตรวจรักษาโดยได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นประจำร้อยละ 87.9 ปัจจัยเสริมพบว่ากลุ่มตัวอย่างได้รับการสนับสนุนทางสังคมมากที่สุด คือด้านครอบครัวร้อยละ 93.1 ด้านพฤติกรรมการดูแลตนเองพบว่าพฤติกรรมที่เหมาะสมมากที่สุดคือ เมื่อมีอาการผิดปกติจะไปพบแพทย์ทันทีร้อยละ 96.6 พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมากที่สุดคือ รับประทานอาหารที่มีรสเค็มเป็นประจำร้อยละ 32.8 โดยปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ ปัจจัยอาชีพมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (7.612, p = 0.037) โรคความดันโลหิตสูง (9.656, p = 0.004) ประวัติการดื่มแอลกอฮอล์ (7.783, p = 0.015) ประวัติการควบคุมความดันโลหิตในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (9.697, p = 0.012) ดัชนีมวลกาย (4.870, p = 0.038) และปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ และปัจจัยเสริมไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (p = 0.32, 0.69, >0.05) ตามลำดับ</p>
ลติพร อุดมสุข
วชิรญา มุ้ยเผือก
ปิยนุช งามสาย
พงษ์ศักดิ์ คำนาโฮม
รัฐพล ผิวจันทร์
Copyright (c) 2024 วารสารสาธารณสุข มหาวิทยาลัยบูรพา
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-09-30
2024-09-30
19 2
13
26