วารสารกายภาพบำบัด https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjpt <p><strong>เป้าหมายและขอบเขต:</strong></p> <p>วารสารกายภาพบำบัด (Thai J Phys Ther) เป็นวารสารอย่างเป็นทางการของสมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย วารสารนี้มีพันธกิจในการเผยแพร่และแบ่งปันความรู้ที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ทางด้านกายภาพบำบัดซึ่งสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติทางกายภาพบำบัดคลินิกรวมถึงการเรียนการสอนทางด้านกายภาพบำบัด วารสารนี้เผยแพร่บทความประเภท บทความวิจัย บทความปริทัศน์ และจดหมายถึงบรรณาธิการ</p> <p><strong>ISSN old number (2522-2566)</strong></p> <p>ISSN 0125-4634 (print)</p> <p>ISSN 2730-3004 (online)</p> <p><strong><span class="il">ISSN new number (2567-)</span> </strong></p> <p>ISSN 3027-7086 (online)</p> <p> </p> <p><strong>กระบวนการพิจารณา: </strong>บทความต้นฉบับทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในสาขานั้นอย่างน้อยสามคนผ่านกระบวนการ double-blinded review</p> <p><strong>ความถี่:</strong> กำหนดออก 3 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม-เมษายน ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม และฉบับที่ 3 เดือนกันยายน-ธันวาคม </p> <p><strong>ภาษา:</strong> บทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ, บทความภาษาไทยและภาษาอังกฤษ </p> <p><strong>ค่าใช้จ่ายในการตีพิมพ์: </strong>ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์</p> <p><strong>การเข้าถึง: </strong>สามารถเข้าถึงบทความผ่านทางออนไลน์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย</p> th-TH chitanongg@gmail.com (Chitanongk Gaogasigam) Akkradate.s@g.chula.edu (Akkradate Siriphorn) Wed, 20 Aug 2025 19:20:50 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ผลของการฝึกด้วยโปรแกรมการเต้น Dance Fit ต่อกิจกรรมทางกาย สมรรถภาพทางกาย และพุทธิปัญญาในผู้สูงอายุ https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjpt/article/view/271820 <p><strong>ที่มาและความสำคัญ</strong><strong>:</strong> ผู้สูงอายุมักประสบกับภาวะความแข็งแรงลดลง กิจกรรมทางกายลดลง การทรงตัวบกพร่อง และการเสื่อมถอยของพุทธิปัญญา การออกกำลังกายแบบกลุ่มที่สนุกสนาน เช่น การเต้นประกอบเสียงเพลง สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยส่งเสริมให้เกิดแรงจูงใจและเพิ่มกิจกรรมทางกายให้แก่ผู้สูงอายุได้</p> <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>: </strong>เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมออกกำลังกายด้วยการเต้น Dance Fit ต่อระดับกิจกรรมทางกาย สมรรถภาพทางกาย และพุทธิปัญญา ในกลุ่มผู้สูงอายุ</p> <p><strong>วิธีการวิจัย: </strong>ผู้เข้าร่วมวิจัยจำนวน 63 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Dance Fit (n = 32) และกลุ่มควบคุม (n = 31) โดยกลุ่ม Dance Fit เข้าร่วมกิจกรรมการออกกำลังกายครั้งละ 75 นาที (อบอุ่นร่างกาย 15 นาที แอโรบิกความหนักปานกลาง 45 นาที และผ่อนคลาย 15 นาที) สัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ กลุ่มควบคุมทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ การประเมินสมรรถภาพทางกาย ได้แก่ ความแข็งแรงรยางค์ขาและแขน ความยืดหยุ่น การทรงตัว ความสมดุลและความคล่องตัวแบบไดนามิก ความทนทานของหัวใจและปอด พุทธิปัญญา และระดับกิจกรรมทางกาย โดยจะประเมินในสัปดาห์ที่ 0 สัปดาห์ที่ 3 และสัปดาห์ที่ 6 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ Mixed Model ANOVA เพื่อตรวจสอบปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มและเวลาในการประเมิน</p> <p><strong>ผลการวิจัย: </strong>พบปฏิสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างกลุ่มและเวลาของการประเมิน (p &lt; 0.05) สำหรับความแข็งแรงรยางค์ขาและแขน ความยืดหยุ่น ความทนทานของหัวใจและปอด และระดับกิจกรรมทางกาย โดยกลุ่ม Dance Fit มีค่าที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง baseline และเมื่อครบ 6 สัปดาห์ นอกจากนี้ พบเพียงอิทธิพลหลักของกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p &lt; 0.05) ต่อความสมดุลและความคล่องตัวแบบไดนามิก รวมถึงพุทธิปัญญาระหว่าง baseline และเมื่อครบ 6 สัปดาห์</p> <p><strong>สรุปผล: </strong>การเต้นด้วยโปรแกรม Dance Fit สามารถเพิ่มความแข็งแรงรยางค์ขา ความแข็งแรงรยางค์แขน เพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย พัฒนาความทนทานของหัวใจและปอด และเพิ่มระดับกิจกรรมทางกาย ในผู้สูงอายุได้</p> ปิยาภรณ์ วิชัยดิษฐ, เบญจวรรณ แซ่เล้า, ทัชชกร สงวนศักดิ์ , กนกวรรณ พลสา , พงษ์ประภัทร เสนา, เฟื่องฟ้า ขอบคุณ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกายภาพบำบัด http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjpt/article/view/271820 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700 การเปรียบเทียบผลของโปรแกรมออกกำลังกายที่บ้านด้วยท่าออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและแบบเฉพาะเจาะจง กับโปรแกรมแบบดั้งเดิม ต่อการเดินและการทรงตัวในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะเรื้อรัง https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjpt/article/view/273179 <p><strong>ที่มาและความสำคัญ</strong><strong>:</strong> ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองควรได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเดินได้อย่างมั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อผู้ป่วยถูกจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล การให้โปรแกรมการออกกำลังกายที่บ้านจึงมีความจำเป็นอย่างมาก การออกกำลังกายแกนกลางลำตัว และแบบเฉพาะเจาะจงช่วยเพิ่มความสามารถในการทรงตัวและการเดินในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะเรื้อรัง แต่ยังไม่มีรายงานว่าให้ผลต่างจากการฝึกตามโปรแกรมการฝึกทางกายภาพบำบัดที่บ้านแบบดั้งเดิมอย่างไร</p> <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>: </strong>เพื่อเปรียบเทียบผลของโปรแกรมออกกำลังกายที่บ้าน ระหว่างท่าออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวร่วมกับการออกกำลังกายแบบเฉพาะเจาะจง และโปรแกรมที่นักกายภาพบำบัดออกแบบให้เฉพาะราย ต่อ การเดิน การทรงตัว ความมั่นใจในการทรงตัวขณะปฏิบัติกิจกรรม และความสามารถในการควบคุมการเคลื่อนไหวของขา</p> <p><strong>วิธีการวิจัย: </strong>ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะเรื้อรัง จำนวน 32 คน สุ่มเข้ากลุ่มทดลอง 16 คน ได้รับโปรแกรมการออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและแบบเฉพาะเจาะจง กลุ่มควบคุม 16 คน ได้รับโปรแกรมการออกกำลังกายที่นักกายภาพบำบัดออกแบบให้ กลุ่มละ 40 นาที 3 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 3 เดือน ประเมินด้วย 10 Meter Walk Test (10MWT), Six-Minute Walk Test (6MWT), Berg Balance Scale (BBS), Timed Up and Go Test (TUG), Activities-Specific Balance Confidence Scale (ABC) และ Fugl-Meyer Assessment of Lower Extremity (FMA-LE) ก่อนฝึก หลังฝึก และติดตามผลเดือนที่ 6</p> <p><strong>ผลการวิจัย: </strong>เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ไม่พบความแตกต่างในทุกตัวแปร แต่เมื่อเปรียบเทียบภายในกลุ่มระหว่างช่วงเวลา (Overall) พบว่าทุกตัวแปรของกลุ่มทดลองมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p &lt;</em> 0.05) และพบการเปลี่ยนแปลงเฉพาะ BBS, ABC และ FMA-LE ในกลุ่มควบคุม (<em>p &lt;</em> 0.05)</p> <p><strong>สรุปผล: </strong>โปรแกรมการออกกำลังกายกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและแบบเฉพาะเจาะจงที่บ้าน ช่วยเพิ่มความสามารถในการเดิน การทรงตัว ความมั่นใจในการทรงตัวขณะปฏิบัติกิจกรรม และความสามารถในการควบคุมการเคลื่อนไหวของขา ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะเรื้อรังได้ไม่ต่างจากโปรแกรมดั้งเดิม</p> พรพิรุณ ฝึกศิลป์, สุธางค์ ตัณทนาวิวัฒน์, ภาพวิจิตร เสียงเสนาะ, ผกามาศ พิริยะประสาธน์, กาญจนา เนียมรุ่งเรือง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกายภาพบำบัด http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjpt/article/view/273179 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาต้นแบบโปรแกรมประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลสำหรับ โรคออฟฟิศซินโดรม: การศึกษานำร่อง https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjpt/article/view/274875 <p><strong>ที่มาและความสำคัญ</strong><strong>:</strong> กลุ่มอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมพบได้บ่อยในคนทำงานในสำนักงาน โดยสาเหตุเกิดจากการนั่งทำงานท่าเดิมเป็นเวลานานและปัจจัยเสี่ยงทางการยศาสตร์ การใช้เทคโนโลยีสื่อสารในปัจจุบันเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่าย ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้เป็นการบูรณาการเทคโนโลยีมาพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาทางกายภาพบำบัด</p> <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>: </strong>เพื่อพัฒนาต้นแบบเว็บแอปพลิเคชันโปรแกรมประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลสำหรับโรคออฟฟิศซินโดรมและเพื่อประเมินการใช้งานและทดสอบประสิทธิภาพของเว็บแอปพลิเคชันดังกล่าว</p> <p><strong>วิธีการวิจัย: </strong>เป็นการศึกษาเชิงพัฒนา แบ่งเป็น 2 ขั้นตอนย่อย คือ 1.ขั้นตอนการพัฒนาและทดสอบการใช้งานต้นแบบ (Usability testing) ด้วยแบบประเมิน The system usability scale (SUS) โดยอาสาสมัครจำนวน 30 ราย และ 2.ขั้นตอนการประเมินประสิทธิภาพทางคลินิก (Clinical effectiveness testing) โดยอาสาสมัคร จำนวน 20 ราย แต่ละรายจะต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางการยศาสตร์ และออกกำลังกายตามที่เว็บแอปพลิเคชันแนะนำ เป็นเวลา 30 นาทีต่อวัน 2 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากนั้นประเมินคะแนนความเจ็บปวดด้วยแบบประเมิน Visual analogue scale (VAS) ก่อนและหลังการใช้งาน</p> <p><strong>ผลการวิจัย: </strong>ผลการประเมินความยากง่ายในการใช้งานแอปพลิเคชันด้วยวิธี System Usability Scale (SUS) พบว่าอยู่ในระดับ Good และผลการทดสอบประสิทธิภาพในการใช้เว็บแอปพลิเคชันสำหรับการรักษาทางกายภาพบำบัด พบว่าคะแนนความเจ็บปวดลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p &lt; 0.001)</p> <p><strong>สรุปผล: </strong>ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเว็บแอปพลิเคชันโปรแกรมออกแบบและรักษาเฉพาะบุคคลสำหรับโรคออฟฟิศซินโดรมสามารถเสริมสร้างการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง และช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อในผู้ป่วยกลุ่มนี้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ใช้งานสามารถเรียนรู้การใช้งานได้อย่างรวดเร็วและมีความมั่นใจในการใช้งานเว็บแอปพลิเคชัน</p> พัชราวดี เดชะ, เวธกา กีรติบำรุงพงศ์, จุฑามาศ บัวสอด ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกายภาพบำบัด http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjpt/article/view/274875 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700 การสำรวจความคิดเชิงลบต่ออาการปวดในพนักงานสำนักงานที่มีปัญหาทางระบบกล้ามเนื้อ และกระดูกในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์ https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjpt/article/view/274877 <p><strong>ที่มาและความสำคัญ</strong><strong>:</strong> ปัญหาทางระบบกล้ามเนื้อ และกระดูก (Musculoskeletal Disorders: MSDs) เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในพนักงานสำนักงาน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ซึ่งมักมีอาการปวดบริเวณคอ บ่า ไหล่ และ หลัง ซึ่งปัจจัยด้านจิตสังคมโดยเฉพาะความคิดเชิงลบต่ออาการปวด มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินของภาวะปวดเรื้อรัง</p> <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><strong>: </strong>เพื่อสำรวจระดับความคิดเชิงลบต่ออาการปวดในพนักงานสำนักงานที่มีอาการทางระบบกล้ามเนื้อ และกระดูก และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างค่าความคิดเชิงลบต่ออาการปวดในกลุ่มที่มีอาการปวดเรื้อรังและไม่เรื้อรัง</p> <p><strong>วิธีการวิจัย: </strong>กลุ่มตัวอย่างจำนวน 60 คน ได้รับการประเมินด้วยแบบสอบถาม 3 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลทั่วไป แบบประเมินอาการระบบกล้ามเนื้อ และกระดูก (Modified Nordic Musculoskeletal Questionnaire: MNMQ) และแบบประเมินความคิดเชิงลบต่ออาการปวดฉบับแปลภาษาไทย (T-UW-CAP6)</p> <p><strong>ผลการวิจัย: </strong>ผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังส่วนใหญ่มีระดับความคิดเชิงลบต่ออาการปวดอยู่ในระดับเสี่ยงปานกลางถึงมาก กลุ่มที่มีปัญหาด้านระบบกล้ามเนื้อและกระดูกแบบเรื้อรังมีค่าความคิดเชิงลบต่ออาการปวดมากกว่ากลุ่มที่มีอาการแบบไม่เรื้อรังอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em> = 0.04)</p> <p><strong>สรุปผล: </strong>การศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปัจจัยทางจิตสังคมเกี่ยวกับการรับรู้ความเจ็บปวดและอาการปวดเรื้อรังในพนักงานสำนักงาน การประเมินด้านจิตสังคมร่วมกับการดูแลทางกายภาพจึงมีความสำคัญต่อการวางแผนการจัดการ และป้องกันอาการปวดเรื้อรังได้อย่างเหมาะสม</p> พิมพ์พร กล้วยอ่อน, สุภาวิดา กรวยทอง, อาทิตยา เสียวกสิกรณ์, อคิราภ์ ลือโรจน์วงศ์, ฐิตาพร ชูแก้ว, วิมุกดา พาณิชย์พงศ์พัฒน์ , อรวรรณ เยี่ยมพัฒนพร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกายภาพบำบัด http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjpt/article/view/274877 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700