ความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับอาการปวดไหล่ของครูโรงเรียน มัธยมศึกษา: กรณีศึกษาในโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

ผู้แต่ง

  • Phairat Promkrainit Division of Occupational Health and Safety, Faculty of Public Health, Naresuan University
  • Wirot Chanthorn Department of Environmental and Occupational Health, Faculty of Public Health, Naresuan University
  • Saranya Thiphom Department of Environmental and Occupational Health, Faculty of Public Health, Naresuan University
  • Patsiri Srivieng Faculty of Public Health, Thammasat University, Lampang Centrer
  • Yuwadee Tongme Department of Environmental and Occupational Health, Faculty of Public Health, Naresuan University

คำสำคัญ:

ครูโรงเรียนมัธยมศึกษา, ความชุก, ท่าทางการทำงาน, อาการปวดไหล่, ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ

บทคัดย่อ

บทนำ: ครูในโรงเรียนมีลักษณะการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการก้มเงยของศีรษะบ่อยๆ เช่น การอ่าน การเขียนบนกระดาน การนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผิดปรกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อได้


วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับอาการปวดไหล่ของครูโรงเรียนมัธยมศึกษาในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อให้ทราบถึงความเจ็บปวด ผลกระทบต่อร่างกาย กิจวัตรประจำวัน ลักษณะการทำงาน
ระยะเวลาในการทำงาน และปัจจัยในด้านต่างๆ ที่มีผลกระทบต่ออาการปวดไหล่ซึ่งสามารถนำไปเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาลดอาการปวดของไหล่ของครูโรงเรียนมัธยมศึกษาได้


วิธีการศึกษา: การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาภาคตัดขวาง เพื่อศึกษาความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับอาการปวดไหล่ของครูโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์เชิงกลุ่มตัวอย่าง คือ ครูในโรงเรียน จำนวน 158 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถาม และแบบประเมินความเสี่ยงท่าทางการทำงานโดยใช้ RULA (Rapid Upper Limb Asessment) และทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และหาความสัมพันธ์ของปัจจัยกับอาการปวดไหล่โดยใช้สถิติ Chi-square test (χ2)


ผลการศึกษา: ผลจากการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 66.50 มีอายุเฉลี่ย 44.53 ± 9.03 ปี ประสบการณ์สอนโดยเฉลี่ย 20.55 ± 11.32 ปี และมีความชุกของอาการปวดไหล่ในรอบ 12 เดือน ถึงร้อยละ
50.60 เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ กับอาการปวดไหล่ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคล คือ เพศ (P = 0.021) และการออกกำลังกาย (P = 0.016) รวมทั้งปัจจัยด้านการทำงาน คือ อายุการทำงาน (P = 0.042) ระยะเวลาการทำงานใน 1 วัน (P = 0.040) และท่าทางการทำงาน (P < 0.001) มีความสัมพันธ์กับอาการปวดไหล่ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ


วิจารณ์: ดังนั้นควรมีการให้ส่งเสริมปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับอาการปวดไหล่ และอาการผิดปรกติของระบบกล้ามเนื้อ เช่น ส่งเสริมการออกกำลังกาย การเปลี่ยนท่าทางในการทำงานใน 1 วัน และการให้ความรู้เกี่ยวกับท่าทางการ
ทำงานที่เหมาะสมเพื่อลดอาการผิดปรกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อได้

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-03-27

ฉบับ

ประเภทบทความ

Original Articles