รูปแบบการปรับปรุงคุณภาพการดูแลในสถานบริการสำหรับผู้ป่วยเรื้อรัง:กรณีคลินิกเด็กธาลัสซีเมียโรงพยาบาลกาฬสินธุ์

A Model for Quality of Care Improvement for Chronically Ill Patients’ Services: A Case Study for Pediatric Thalassemia Clinic in Kalasin Hospital

ผู้แต่ง

  • อภิชญา อารีเอื้อ
  • สงครามชัย ลีทองดี
  • สุนทร ยนต์ตระกูล

คำสำคัญ:

Quality of care improvement, chronically ill patients, Thalassemia, Kalasin Hospital, การปรับปรุงคุณภาพการดูแล, ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง, โรคธาลัสซีเมีย, โรงพยาบาลกาฬสินธุ์

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

              การวิจัยเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงคุณภาพรูปแบบการดูแลในสถานบริการสำหรับผู้ป่วยเรื้อรัง กรณีคลินิกเด็กโรคธาลัสซีเมียโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วยผู้ให้บริการจำนวน  32  คน ผู้ป่วยเด็กธาลัสซีเมียจำนวน  180  คน  ผู้ปกครองเด็กธาลัสซีเมียจำนวน180 คน ดำเนินการวิจัยระหว่างเดือนธันวาคม 2559 ถึงเดือนมีนาคม  2560 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาการทดสอบที และการวิเคราะห์เนื้อหา  

               ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีคะแนนความรู้ พฤติกรรม และความพึงพอใจเพิ่มสูงขึ้น กว่าก่อนการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้รูปแบบการดูแลในสถานบริการในครั้งนี้เรียกว่า KALASIN  Model โดยพบว่ามีปัจจัยแห่งความสำเร็จคือ การมีนโยบายการพัฒนาคุณภาพที่ชัดเจนของผู้บริหารองค์กร การจัดระบบบริการที่เน้นคุณภาพ และบูรณาการการจัดบริการโดยใช้ทีมสหสาขาวิชาชีพทั้งในและนอกสถานบริการภายใต้กลไกลการสนับสนุนและการกำกับติดตามอย่างต่อเนื่องผลการวิจัยนี้ให้ข้อเสนอแนะว่าผู้บริหารองค์กรควรมีนโยบายการพัฒนาคุณภาพระบบการให้บริการที่ชัดเจน เพื่อส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพของการบริการเพิ่มมากขึ้น

 

--------------------------------

Abstract

             This action research aimed to develop a model of for quality of care improvement for chronically ill patients’ services. It was a case study for pediatric Thalassemia clinic at Kalasin hospital. The participants included 32 health service providers, 180 dyads of children with Thalassemia and their caregivers. Data collection was carried out from December 2016 to March 2017. Descriptive statistics, t-test and content analysis were utilized to analyze the data.      

             The results revealed that the participants had significantly higher scores of knowledge, behaviors and satisfactory than those before the implementation. The new model for care services of “KALASIN” model was emerged which contained several key successes. There were the explicit policy for quality of care improvement of the executive administrator, process of management focusing on quality of care service and    Integration of care services using multi-disciplinary health team for both inside and outside hospital under supporting mechanism system and continuous monitoring. These findings suggest that the hospital administrator should employ the policy for quality of care improvement obviously. Consequently, effectiveness of the services would increase.

 

References

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. (2556). สถานการณ์ผู้ป่วยธาลัสซีเมียประเทศไทย.เข้าถึงได้จาก http://www.dmsc..moph.go.th

จินตนา แดนเขตร. (2557). การพัฒนาขั้นตอนบริการสุขภาพผู้ป่วยเด็กธาลัสซีเมีย งานผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ. ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลสุขภาพเด็ก คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

ธานินทร์ โลเกศกระวี และคณะ. (2555). การประยุกต์ใช้แนวคิดแบบลีนในการดูแลผู้ป่วยโรคสมองตีบหรืออุดกั้นระยะเฉียบพลัน จังหวัดลำปาง. ลำปางเวชสาร, 25(2), 34-51.

นงพรรณ พิริยานุสรณ์. (2546). คู่มือวิจัยและพัฒนา: โครงการสวัสดิการวิชาการ สถาบันพระบรมราชชนก. นนทบุรี.

นฤมล ธีระรังสิกุล และศิริยุพา สนั่นเรืองศํกดิ์ (2558). ประสบการณ์การดูแลของเด็กที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 23(4), 48-60

วิปร วิปกษิตร. (2559). ธาลัสซีเมีย อันตรายน่าห่วง. บทความสุขภาพ สสส. เข้าถึงได้จาก http://www.thaipost.net

วงเดือน ฤาชา. (2554). การพัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยเบาหวาน โรงพยาบาลชัยภูมิ. วารสารกองการพยาบาล. 38(1), 31-41

สารภี ด้วงชู . (2557). คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเด็กธาลัสซีเมียที่ต้องรับเลือดเป็นประจำโรงพยาบาล. สงขลานครินทร์เวชสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 32(6), 25-46.

อรุณี เจตศรีสุภาพ. (2556). ปัญหาการดูแลผู้ปวยเด็กโรคธาลัสซีเมียในประเทศไทย: กรณีศึกษาประสบการณ์ของมารดาจังหวัดอุดรธานี. วารสารวิจัยทางการพยาบาล. 10(2),133-143.

Kemmis, K., & McTaggart, R. (2000). Participatory action research. Handbook of qualitative research. London: Sage.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

24-11-2017