Effect of a Promoting Self-Breast Examination Program Among Women Aged 45-54 Years in Huayorakoung community, Hindat Sub-district, Dankhunthot District, Nakhon Ratchasima Province
Keywords:
self-supportive breast self-examination program, self-efficacy, social supportAbstract
This quasi-experimental research aimed to study the effect of the self-breast self-examination
program for women aged 45-54 years in Huayorakoung community, Hin Dad district, Dan Khun Thot
district. Nakhon Ratchasima Province. The experimental group and the comparison group were
randomly divided into 30 groups. Experimental groups participated by applying self-effif icacy theory
to social support. Activities include lectures, video presentations. Practice with simulated breast
model brochure and home visits comparative groups received normal activities. The data were
analyzed using frequency, percentage, mean, standard deviation and t-test. The results showed
that after the experiment, the experimental group had an average score on knowledge of breast cancer.
Self-eff ificacy in breast self-examination expectations of good self-examination. There was a statistically
signifif icant difference (p <0.001) between the experimental group and the comparison group at the
.05 level. (p <0.001). The results show that The self-help program developed by applying self-effififi cacy
theory to social support. Targeted women have access to breast cancer screening services. Community
health off ificials should use this program as a guide to increasing the rate of breast self-examination
among women in the area.
References
นครราชสีมา ; 2557.
2. สำนักส่งเสริมสุขภาพ. คู่มือบุคลากรสาธารณสุขในการปฏิบัติงานโครงการส่งเสริมสุขภาพสตรี และป้องกัน
โรคมะเร็งเต้านม.กระทรวงสาธารณสุข ; 2545.
3. ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา. รายงานอัตราการป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านม. นครราชสีมา ; 2559.
4. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลห้วยจรเข้. รายงานประจำปี. นครราชสีมา : โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
ตำบลห้วยจรเข้ ; 2559.
5. กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. การตรวจเต้านมด้วยตนเอง. นนทบุรี : กรมการแพทย์ กระทรวง
สาธารณสุข ; 2555.
6. เรวดี ศิราเพชรสัณฑ์, นัยนา หนูนิล. ภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็ง. วารสารพยาบาล. 2557 ;
66(1) : 54-69.
7. บงกช เก่งเขตกิจ, เพ็ญศรี ระเบียบ, และสุพรรณี เอี่ยมรักษา. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตรวจเต้านมตนเอง
ในสตรีไทย. รายงานวิจัย, สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, กรุงเทพมหานคร; 2548.
8. อรุณ จิรวัฒน์กุล. ชีวสถิติสำหรับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 2. ขอนแก่น: โรงพิมพ์
คลังนานาวิทยา ; 2548.
9. สุขสรรค์ นิพนธ์ไชย. ประสิทธิผลโปรแกรมสุขศึกษาโดยประยุกต์ทฤษฎีความสามารถของตนเองและ
แรงสนับสนุนทางสังคมต่อการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีอายุ 35 ปีขึ้นไป ในตำบลกระชอน
อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา. [วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนา
สุขภาพชุมชน]. นครราชสีมา : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา; 2556.
10. พัชนภา ศรีเครือดำ, ปัญญารัตน์ ลาภวงค์วัฒนา และณัฐกมล ชาญสาธิตพร. ผลของโปรแกรมการพัฒนา
ศักยภาพการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชนจังหวัดสุรินทร์. วารสาร
พยาบาลสาธารณสุข. 2556 ; 27(3) : 71-82.
11. Bandura A. The assessment and predictive generality of self-percepts of efficacy. Journal of
Behavior Therapy and Experimental Psychiatry, 1982; 13(1) :195-199.
12. สุรีย์พันธุ์ วรพงศธร.การวิจัยทางสุขศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์วิฑูรย์การปก; 2558.
13. มยุรี บุญวรรณ. ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนต่อทักษะและความยั่งยืนในการตรวจ
เต้านมด้วยตนเองของสตรีกลุ่มเสี่ยง. ศรีนครินทร์เวชสาร. 2554 ; 26(1) : 115-119.
14.ดาริน โต๊ะกานิ. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีที่มารับบริการในคลินิก
วัยทองของโรงพยาบาลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้. นราธิวาสราชนครินทร์วารสาร. 2555;1
(ฉบับปฐมฤกษ์) : 1-13.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็น
ลิขสิทธิ์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา