การพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีภาวะกลืนลำบาก : กรณีศึกษาเปรียบเทียบ
คำสำคัญ:
โรคหลอดเลือดสมอง การพยาบาล กลืนลำบากบทคัดย่อ
ภาวะกลืนลำบากในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ทำให้เกิดการสำลักอาจนำไปสู่การเกิดปอดอักเสบจากการสำลัก ส่งผลต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตได้ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบ การปฏิบัติทางการพยาบาล ของการประเมินการกลืนและฝึกกลืนในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีอาการทางระบบประสาทเกี่ยวกับการทรงตัว การพูด การควบคุมลิ้น ต่างกัน ทำให้ความสามารถในการกลืนต่างกันที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช โดยรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 2 รายดำเนินการเก็บข้อมูลตั้งแต่แรกรับจากผู้ป่วย ญาติพยาบาล ทีมสหวิชาชีพ และแบบบันทึกข้อมูลจากเวชระเบียนผู้ป่วย โดยใช้กรอบแนวคิด แบบแผนสุขภาพของกอร์ดอน เป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล
ผลการศึกษา ผู้ป่วยกรณีศึกษา 2 ราย เพศชาย เป็นโรคหลอดเลือดสมองแตก มีภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง และมีภาวะกลืนลำบาก ในรายที่ 1 ผู้ป่วย อายุ 36 ปี E2V2M5 แขน-ขาขวา weak เกรด 0 ความดันโลหิตสูง ได้รับการผ่าตัดแบบเปิดกะโหลกศีรษะ หลังผ่าตัดใช้เครี่องช่วยหายใจ สามารถ Off Endotracheal tube หลังผ่าตัด Day 3 ประเมินการกลืน หลังผ่าตัด Day 4 ไม่พร้อมฝึกกลืน มีภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง เสี่ยงต่อภาวะปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกในสมองและชักเกร็งซ้ำ เสี่ยงปอดอักเสบจากภาวะกลืนสำลัก นอนโรงพยาบาล 22 วัน ผู้ป่วยรายที่ 2 ผู้ป่วยอายุ 57 ปี E4V1M5 แขน-ขาขวา weak เกรด 1 ความดันโลหิตสูง ได้รับการผ่าตัดสมองแบบเจาะรูที่กะโหลกศีรษะ ประเมินการกลืน Day 26 ไม่พร้อมฝึก มีภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกในสมองซ้ำ เสี่ยงปอดอักเสบจากภาวะกลืนสำลัก นอนโรงพยาบาล 33 วัน ผู้ป่วยทั้ง 2 รายได้รับการ monitor สัญญาณชีพและอาการทางระบบประสาท ได้รับการประเมินการกลืน ได้รับการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วย ร่วมกับสหสาขาวิชาชีพ ผลลัพธ์การประเมินการกลืนและฝึกกลืนผู้ป่วยรายที่ 1 สามารถฝึกกลืนได้สำเร็จหลังผ่าตัดใน Day 16 ถอดสายยางให้อาหารได้ก่อนกลับบ้าน ผู้ป่วยรายที่ 2 ใส่สายยางกระเพาะอาหารทางจมูกเพื่อให้อาหารปั่น ได้รับการฟื้นฟูการกลืนต่อเนื่องที่บ้าน สามารถฝึกกลืนได้สำเร็จหลังกลับบ้านใน Day 7
การประเมินการกลืน และการฝึกกลืน ในผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง ที่มีภาวะกลืนลำบาก จาก การทรงตัว การพูด การควบคุมลิ้น ต่างกัน สามารถฝึกกลืนได้สำเร็จในระยะต่างกัน ซึ่งมีความสำคัญต่อการป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดอักเสบจากการสำลักได้ เพื่อลดการเกิดของผู้ป่วยติดเตียง
References
ดิษยา รัตนากรและคณะ.(2554). Current Practical Guide to Stroke Management. กรุงเทพฯ: สวิชาญการพิมพ์.
นฤมล นามวงษ์. ( 2561). ผลของโปรแกรมฟื้นฟูการกลืนต่อความสามารถในการกลืนของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีภาวะกลืนลำบาก.(วิทยานิพนธ์ คณะสาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิต วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย).
พรสวรรค์ โพธิ์สว่าง .(2560). คู่มือชุดรายการอาหารไทยสำหรับผู้มีภาวะกลืนลำบากในพรสวรรค์ โพธิ์สว่าง บรณาธิการ). คำแนะนำอาหารสำหรับผู้มีภาวะกลืนลำบาก .สำนักพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์กร มหาชน ) .
มนันชยา กองเมืองปัก (บรรณาธิการ) (2560). การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสู่ผลลัพธ์ที่เป็นเลิศ
ทางการพยาบาล . ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล แผนกการพิมพ์ : กรุงเทพฯ.
ยงชัย นิละนนท์. (2560). โรคหลอดเลือดสมอง. ใน มณธิรา มณีรัตนะพร, นัฐพล ฤทธิ์ทยมัย และ ศรีสกุล จิรกาญจนากร (บรรณาธิการ). อายุรศาสตร์ทันใจ. กรุงเทพ: พริ้นท์เอเบ็ล.
รุ่งทิวา ชอบชื่น.( 2557). บทบาทพยาบาลในการฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยที่มีอาการกลืนลำบาก.ศรีนครินทร์เวชสาร, 29, 13-15.
เวชระเบียนผู้ป่วยใน.(2563). งานสถิติผู้ป่วย. โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช.
ศิรินาฎ สอนสำนึก , กุสุมา คุววัฒนาสัมฤธิ์ และสุปรีดา มั่นคง . ( 2560 ). ผลของการใช้แนวปฏิบัติการ
พยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจต่ออุบัติการณ์การเกิดปอดอักเสบ.รามาธิบดีพยาบาลสาร, 23 (3), 284-297.
Edmiaston,J.,Connor,L.T.,Loehr,L.,Steger -May, K.&Ford,A.L.(2014) A SimpleBedside dysphagia screen , validate against vedeoflooroscopy, defects dysphagia and aspiration with high sensitivity.
Journal of stroke and Cerebrovascular Disease , 23(4), 712-716.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี และคณาจารย์ท่านอื่นๆในวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว