การพัฒนาระบบการค้นหาและคัดกรองความเสี่ยงหญิงตั้งครรภ์ ในเขตพื้นที่อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง
คำสำคัญ:
การค้นหาหญิงตั้งครรภ์รายใหม่, การคัดกรองความเสี่ยงบทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาระบบค้นหาและคัดกรองความเสี่ยงหญิงตั้งครรภ์รายใหม่ที่อายุครรภ์น้อยกว่า 12 สัปดาห์ ศึกษาความเป็นไปได้ของระบบฯ และผลลัพธ์การใช้ระบบฯ การวิจัยประกอบด้วย 4 ระยะ คือ 1) ศึกษาสถานการณ์และวิเคราะห์ปัญหา 2) ออกแบบและพัฒนาระบบ 3) การทดลองใช้ระบบ และ 4) ประเมินผลลัพธ์จากการใช้งานระบบ กลุ่มตัวอย่างแต่ละระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 หญิงตั้งครรภ์จำนวน 10 คนและผู้ปฏิบัติงานจำนวน 10 คน ระยะที่ 3 ผู้ปฏิบัติงานจำนวน 10 คน และระยะที่ 4 หญิงตั้งครรภ์จำนวน 28 คน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์เชิงลึก 2) ร่างระบบค้นหาและคัดกรองความเสี่ยงหญิงตั้งครรภ์ 3) แบบสอบถามความเป็นไปได้และความคิดเห็นต่อระบบ 4) แบบสอบถามคุณภาพการบริการ 5) แบบบันทึกผลลัพธ์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณา ผลการวิจัยพบว่า สถานการณ์การฝากครรภ์ล่าช้ามีสาเหตุหลัก 4 ประเด็น ได้แก่ 1) ปัจจัยจากตัวหญิงตั้งครรภ์ 2) ปัจจัยด้านกระบวนการของการรับบริการฝากครรภ์ 3) ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และ 4) ปัจจัยทางสังคม ระบบที่พัฒนาขึ้นเน้นการค้นหาและคัดกรองความเสี่ยงหญิงตั้งครรภ์มีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ 1) การค้นหา ประกอบด้วย 6 กิจกรรม คือ อบรมให้ความรู้ ส่งเสริมการตรวจการตั้งครรภ์ ประชาสัมพันธ์เชิงรุก จัดอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านลงพื้นที่ เพิ่มช่องทางการขอรับคำแนะนำ จัดฝากครรภ์นอกเวลาราชการและรายงานผล 2) การคัดกรองความเสี่ยง ประกอบด้วย 5 กิจกรรม คือ การประเมินความเสี่ยงและประเมินสุขภาพ จัดกลุ่มความเสี่ยง ตรวจร่างกาย ตรวจครรภ์ และใช้แอปพลิเคชั่น line ผลการประเมินความเป็นไปได้เท่ากับ 2.90 (SD=0.32) ในส่วนผลลัพธ์ พบว่าการฝากครรภ์ครั้งแรกก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากก่อนใช้ระบบจากร้อยละ 70 เป็นร้อยละ 87.09 และความคิดเห็นต่อการใช้ระบบโดยรวมเท่ากับ 4.82 (SD=0.39) การพัฒนาระบบนี้ช่วยเพิ่มอัตราการฝากครรภ์ครั้งแรกก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ มีศักยภาพสูงและควรขยายผลเพื่อเพิ่มคุณภาพการดูแลสุขภาพแม่และเด็กอย่างยั่งยืน
เอกสารอ้างอิง
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2565). คู่มือการดูแลหญิงตั้งครรภ์สำหรับบุคลากรสาธารณสุข. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กลุ่มอนามัยแม่และเด็ก สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย.
กระทรวงสาธารณสุข. (2567). ระบบคลังข้อมูลสุขภาพ Health Data Center (HDC). สืบค้นจาก https://hdcservice.moph.go.th/hdc/main/index.php
คณะอนุกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2565-2567 . (2566). แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสตูินรีแพทย์แห่ง ประเทศไทย เรื่อง การดูแลสตรีตั้งครรภ์. สืบค้นจาก http://https://www.rtcog.or.th/files/1685345623_d8d75aab0a3f9b6bc66a.pdf
จารินี คูณทวีพันธุ์, อนุรักษ์ กระรัมย์, และ ระวีวัฒน์ นุมานิต. (2562). ผลการพัฒนาแบบคัดกรองหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะครรภ์เสี่ยงสูงในเครือข่ายบริการสุขภาพจังหวัดบุรีรัมย์. วารสารวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, 15(1), 49-57.
นันทิตา วงษ์สุวรรณ์, วัชรี เรือนคง, และ เยาวมาลย์ คำเขียว. (2566). การฝากครรภ์ครั้งแรกภายใน 12 สัปดาห์ ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 4. วารสาร Roi Kaensarn Academy, 8(7), 584-596.
ประภาพรรณ พัฒนพนาลัย และสุวดี น้ำรินชื่นจิตใส. (2566). การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานฝากครรภ์ของหญิงตั้งครรภ์ชนเผ่าปกาเกอญอ ในเขตพื้นที่สถานบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านแม่ระเมิง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก. งานประชุมวิชาการสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 27 – 28 มิถุนายน 2566. โรงแรมท็อปแลนด์, อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก. สืบค้นจาก https://hpc2appcenter.anamai.moph.go.th/academic/ web/files/2566/research/MA2566-004-01-0000001332-0000001443.docx
ระนอง เกตุดาว, ปาริชาติ สาขามุละ, และ ฉวีวรรณ ศรีดาวเรือง. (2564). การพัฒนากระบวนการดูแลหญิงตั้งครรภ์เสี่ยงสูงรูปแบบอุดร 7 ขั้นตอน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จังหวัดอุดรธานี. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ, 14(2), 12-25.
วัชรากร กุชโร. (2562). การพัฒนารูปแบบการเยี่ยมติดตามหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ โรงพยาบาลหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน, 1(3), 41-51.
ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข . (2566). เส้นทางฝากครรภ์คุณภาพแนวทางวิธีชีวิตใหม่ 8 ครั้ง . สืบค้นจาก http://https://wellnesshospitalhpc7kk.anamai.moph.go.th/th/c-ebook
สมาคมเวชศาสตร์ปริกำเนิดแห่งประเทศไทย. (2565). นโยบายการฝากครรภ์คุณภาพสำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2565.สืบค้นจาก thaiperinatal.com/news
สราวุฒิ ใฝ่ชำนาญ. (2562). การพัฒนาระบบบริการฝากครรภ์ในหน่วยบริการปฐมภูมิอำเภอเมือง จังหวัดเลย. ชัยภูมิเวชสาร, 38(3), 17-27.
สิริกร จันทรศรี (2567) การพัฒนารูปแบบการให้บริการคลินิกฝากครรภ์ เพื่อป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนดในโรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี. สืบค้นจากhttps://backoffice.udpho.org/openaccess/control/download.php?id=MjY1
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง. (2567). ระบบคลังข้อมูลสุขภาพ Health Data Center (HDC). สืบค้นจาก https://trg.hdc.moph.go.th/hdc/main/index.php
สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กระทรวงสาธารณสุข. (2567). นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสุขภาพอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (2560–2569) ด้านการส่งเสริมการเกิดและการเติบโตอย่างมีคุณภาพ. สืบค้นจากhttps://rh.anamai.moph.go.th/th/download-03
หทัยรัตน์ รังสรรค์สฤษดิ์. (2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการมาฝากครรภ์ล่าช้ากว่า 12 สัปดาห์ของหญิงตั้งครรภ์ ที่มาฝาก ครรภ์ครั้งแรก. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอร์ทเทิร์น, 1(3), 12-25.
Donabedian A. ( 2003). An introduction to quality assurance in health care. New York: Oxford University.
World Health Organization. (2022). WHO antenatal care recommendations for a positive pregnancy experience: Maternal and fetal assessment update: Imaging ultrasound before 24 weeks of pregnancy. Available from https://www.who.int/publications/i/item/9789240046009
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี และคณาจารย์ท่านอื่นๆในวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว