ผลของโปรแกรมพัฒนาพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม

Main Article Content

ปรีดี ยศดา
วาริณี เอี่ยมสวัสกุล
มุกดา หนุ่ยศรี

บทคัดย่อ

การวิจัยกึ่งทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงกลุ่มทดลอง ระหว่างก่อนและหลังทดลอง และหลังทดลอง ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ขึ้นทะเบียนรับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหัวหนองและบ้านวังปลาโด อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอยู่ในระดับต่ำและปานกลาง เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงตามเกณฑ์ในการคัดเข้าศึกษา แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบกลุ่มละ 33 คน  เครื่องมือทดลอง เป็นโปรแกรมพัฒนาพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ครอบคลุม 3 ปัจจัย ตามแนวคิดแบบจำลองพรีสีด-โพรสีดของกรีนและครูเตอร์ เครื่องมือรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย (1) แบบสอบถาม 2 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลทั่วไป และพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง มีค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหาและค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าครอนบาคเท่ากัน คือ 0.08  (2) เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดปรอท วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา การทดสอบที วิลคอกซันแมทช์แพร์สซายน์แรงค์ และแมนวิทนีย์ยู ผลการวิจัย พบว่าหลังทดลอง กลุ่มทดลองมีพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมองโดยรวมและรายด้านทุกด้านสูงกว่าก่อนทดลอง และเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ความดันโลหิตซิสโตลิกและไดแอสโตลิกต่ำกว่าก่อนทดลอง  ความดันโลหิตซิสโตลิกลดลงมากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ แต่ความดันโลหิตไดแอสโตลิกลดลงไม่แตกต่างจากกลุ่มเปรียบเทียบ ณ ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .05

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ยศดา ป., เอี่ยมสวัสกุล ว., & หนุ่ยศรี ม. (2020). ผลของโปรแกรมพัฒนาพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม. วารสารพยาบาล, 68(4), 40–48. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TJN/article/view/233547
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค. (2560). ประเด็นสารรณรงค์วันอัมพาตโลก ปี 2560. สืบค้นเมื่อ 26

ตุลาคม 2561, จาก http://www.thaincd.com/2016/media.php?tid=&gid =1-015-006&searchText

=&pn=1

ขจรพรรณ คงวิวัฒน์, วาริณี เอี่ยมสวัสดิกุล, และมุกดา หนุ่ยศรี. (2559). ผลของโปรแกรมพัฒนาพฤติกรรม

ป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง จังหวัดกาญจนบุรี. วารสารการพยาบาลและการ

ดูแลสุขภาพ, 35(3), 129-137.

ชลธิรา กาวไธสง. (2555). ผลของโปรแกรมพัฒนาพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วย

ความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลชุมพวง อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา (วิทยานิพนธ์ปริญญา

มหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ขอนแก่น.

เทิดไทย ทองอุ่น. (2554). สรีรวิทยาระบบหัวใจร่วมหลอดเลือด (พิมพ์ครั้งที่ 1). ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา.

นภาศรี ชัยสินอนันต์กุล, และนิจศรี ชาญณรงค์. (2553). Hypertension and acute stroke. ใน Basic and

clinical neuroscience 2 (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์

มหาวิทยาลัย.

พีระ บูรณะกิจเจริญ. (2553). โรคความดันโลหิตสูงปฐมภูมิ (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์

หมอชาวบ้าน.

วัฒนศักดิ์ สุกใส. (2555). การประยุกต์ใช้ทฤษฎีแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพร่วมกับแรงสนับสนุนทาง

สังคม เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยโรคความดันโลหิต

สูง อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). มหาวิทยาลัย

มหาสารคาม, มหาสารคาม.

วันทนา มณีศรีวงศ์กูล. (2559). ทฤษฎีทางพฤติกรรมศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน. ใน

ประมวลสาระชุดวิชา นโยบายและระบบสุขภาพ ภาวะผู้นำ แนวคิดทฤษฎีทางการพยาบาลและ

บทบาทของพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน (หน่วยที่ 12, หน้า 1-63). นนทบุรี: สำนักพิมพ์

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

ศุภวรรณ มโนสุนทร. (2557). รายงานการพยากรณ์โรคหลอดเลือดสมอง. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2560, จาก

http://www.interfetp thailand.net/forecast/files/report_2014/report_2014_no20.pdf

ศุภสวัสดิ์ รุจิรวรรธน์. (2560). การประยุกต์ใช้แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพร่วมกับแรงสนับสนุนทาง

สังคมในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้สูงอายุที่ป่วยโรค

ดันโลหิตสูง (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม,

มหาสารคาม.

สถาพร พฤฑฒิกุล. (2555). คุณภาพผู้เรียนเกิดจากกระบวนการเรียนรู้. วารสารการบริหารการศึกษา

มหาวิทยาลัยบูรพา, 6(2), 1-13. สืบค้นเมื่อ 7 ธันวาคม 2561 จาก https://www.tcithaijo.org/

index.php/ EduAdm_buu/article/download/11570/10425/

สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2558). แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติ

ทั่วไป พ.ศ. 2555 ปรับปรุง พ.ศ. 2558 (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: ฮั่วน้ำพริ้นติ้ง.

สินศักดิ์ชนม์ อุ่นพรมมี, และศรีเสาวลักษณ์ อุ่นพรมมี. (2556). ทฤษฎีการสร้างเสริมสุขภาพ ฉบับสรุป

สาระสำคัญ. กรุงเทพมหานคร: ธนาเพรส.

สุวิตรา สร้างนา. (2557). ประสิทธิผลของโปรแกรมสุขศึกษาโดยประยุกต์ใช้แบบแผนความเชื่อด้าน

สุขภาพร่วมกับการเสริมสร้างพลังอำนาจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหลอด

เลือดสมองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ (วิทยานิพนธ์ปริญญา

มหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ขอนแก่น.

เสกสรร ไข่เจริญ, มยุรี พิทักษ์ศิลป์, วัลลภ ใจดี, และสมจิต พฤกษะริตานนท์. (2560). ผลของการฝึกผ่อนลม

หายใจออกช้าโดยการเป่ากังหันลมต่อความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. บูรพาเวชสาร,

(1), 9-20.

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2560). โรคหลอดเลือดสมองเสียชีวิต 1 คน/ 6 วินาที.

สืบค้นเมื่อ 16 มีนาคม 2561, จาก https://www.thaihealth.or.th/NewsHealth.html

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม. (2560 ก). สถานะสุขภาพการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ

ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556-2560. มหาสารคาม: ผู้แต่ง.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม. (2560 ข). ข้อมูลเพื่อตอบสนอง Service Plan สาขาโรคไม่ติดต่อ

(NCD DM,HT,CVD). สืบค้นเมื่อ 26 ตุลาคม 2561, จาก https://mkm.hdc.moph.go.th/hdc/ reports/

page.php?cat_id=b2b59e64c 4e6c92d4b1ec16a599d882b

สำนักงานสาธารณสุขอำเภอบรบือ. (2560). สถานะสุขภาพการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ ปีงบประมาณ

พ.ศ. 2556-2560. มหาสารคาม: สำนักงานสาธารณสุขอำเภอบรบือ.

อรุณโรจน์ สิมมา. (2558). ผลของโปรแกรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยโรค

ความดันโลหิตสูง ชนิดไม่ทราบสาเหตุ ตำบลท่าตูม อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ (วิทยานิพนธ์

ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, มหาสารคาม.

Bonwell, C. C., & Eison, J. A. (1991). Active learning: Creating excitement in the classroom. Retrieved

December 7, 2018, from https://files.eric.ed.gov/fulltext/ED336049.pdf

Green, L. W., & Kreuter, M. W. (2005). Health program planning: An educational and ecological

approach (4th ed.). New York: McGraw-Hill.