ความตรงตามเนื้อหาและความเที่ยงของแบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเอสแอลอี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาแบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเอสแอลอี และตรวจสอบตุณภาพด้านความตรงตามเนื้อหา และความเที่ยง กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 104 คน เลือกแบบเจาะจง เป็นผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเอสแอลอี อายุตั้งแต่ 10-18 ปีที่มารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช แผนกผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก เครื่องมือวิจัย เป็นแบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเอสแอลอีที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา หาความตรงตามเนื้อหาโดยใช้ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามและวัตถุประสงค์ และหาความเที่ยงโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค ผลการวิจัยพบว่า 1) แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเอสแอลอี ประกอบด้วยข้อคำถาม จำนวน 45 ข้อ จำแนกเป็น การดูแลตนเองโดยทั่วไป 21 ข้อ การดูแลตนเองตามระยะพัฒนาการ 6 ข้อ และการดูแลตนเองตามภาวะเบี่ยงเบนสุขภาพ 18 ข้อ 2) แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเอสแอลอี มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามและวัตถุประสงค์ อยู่ระหว่าง 0.6-1.0 และค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.73
การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาแบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเอสแอลอี และตรวจสอบตุณภาพด้านความตรงตามเนื้อหา และความเที่ยง กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 104 คน เลือกแบบเจาะจง เป็นผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเอสแอลอี อายุตั้งแต่ 10-18 ปีที่มารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช แผนกผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก เครื่องมือวิจัย เป็นแบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเอสแอลอีที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา หาความตรงตามเนื้อหาโดยใช้ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามและวัตถุประสงค์ และหาความเที่ยงโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค ผลการวิจัยพบว่า 1) แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเอสแอลอี ประกอบด้วยข้อคำถาม จำนวน 45 ข้อ จำแนกเป็น การดูแลตนเองโดยทั่วไป 21 ข้อ การดูแลตนเองตามระยะพัฒนาการ 6 ข้อ และการดูแลตนเองตามภาวะเบี่ยงเบนสุขภาพ 18 ข้อ 2) แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยวัยรุ่นโรคเอสแอลอี มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามและวัตถุประสงค์ อยู่ระหว่าง 0.6-1.0 และค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.73
Article Details
เอกสารอ้างอิง
นันทนา กสิตานนท์. (2560). โรคลูปัส = Systemic lupus erythematosus (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร:
โอ. เอส.พริ้นตี้ง เฮ้าส์.
บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. (2553). เทคนิคการสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัย (พิมพ์ครั้งที่ 7
ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพมหานคร: จามจุรี โปรดักท์.
สุโรจน์ ศุภเวคิน. (2556). พยาธิวิทยาของโรคไตอักเสบลูปัส. ใน อัจฉรา สัมบุณณานนท์, อนิรุธ ภัทรากาญจน์,
และนันทวัน ปิยะภาณี. (บ.ก.). Systemic Lupus Erythematosus ในเด็กและวัยรุ่น (พิมพ์ครั้งที่ 2, น. 116-
. กรุงเทพมหานคร: ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, มหาวิทยาลัยมหิดล.
Asgari, A., & Kramer, J. M. (2008). Construct validity and factor structure of Persian Occupational Self-
assessment. Occupational Therapy in Health Care, 22(2-3), 187-200. doi: 10.1080/07380570801991826
Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing (5th. ed.). New York: Harper Collins.
Goodman, D., Morrissey, S., Graham, D., & Bossingham, D. (2005). Illness representations of systemic
lupus erythematosus. Qualitative Health Research, 15(5), 606-619. doi: 10.1177/1049732305275167
Graham, J. M. (2006). Congeneric and (essentially) tau-equivalent estimates of score reliability what they are
and how to use them. Educational and Psychological Measurement, 66(6), 930-944.
Koo, T. K., & Li, M. Y. (2016). A guideline of selecting and reporting intraclass correlation coefficients for
reliability research. Journal of Chiropractic Medicine, 15(2), 155-163. doi:10.1016/j.jcm.2016.02.012
Orem, D. E. (2001). Nursing: Concepts of practice (6th ed.). St. Louis, MO: Mosby.
Sato, V. A. H., Marques, I. D. B., Goldenstein, P. T., Carmo, L. P. F., Jorge, L. B., Titan, S. M. O., &
Woranik, V. (2012). Lupus nephritis is more severe in children and adolescents than in older adults.
Lupus, 21(9), 978-83. doi: 10.1177/0961203312443421