ประสิทธิผลของโปรแกรมการจัดการอาการถอนนิโคตินสำหรับพนักงานอุตสาหกรรมที่มีความตั้งใจในการเลิกสูบบุหรี่ในระยะลังเลใจและระยะพร้อมปฏิบัติ

Main Article Content

ศันสนีย์ กมลเกรียงไกร
วันเพ็ญ แก้วปาน
สุรินธร กลัมพากร
จุฑาธิป ศีลบุตร

บทคัดย่อ

การวิจัยแบบกึ่งทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมการจัดการอาการถอนนิโคตินสำหรับพนักงานอุตสาหกรรมที่มีความตั้งใจในการเลิกสูบบุหรี่ในระยะลังเลใจและระยะพร้อมปฏิบัติ กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 60 คน เลือกแบบเจาะจง โดยเป็นพนักงานชายที่ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมในเขตกรุงเทพมหานคร สุ่มแบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบ กลุ่มละ 30  คน ใช้แบบสอบถามในการประเมินอาการถอนนิโคติน ความอยากบุหรี่ และการรับรู้ความสามารถในการจัดการอาการถอนนิโคติน  โปรแกรมใช้ระยะเวลาการเข้าร่วม 3 สัปดาห์ ระยะติดตาม 1 สัปดาห์   วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ Mann-Whitney U Test ผลการศึกษาพบว่า ภายหลังได้รับโปรแกรมการจัดการอาการถอนนิโคติน พนักงานอุตสาหกรรมในระยะลังเลใจและระยะพร้อมปฏิบัติในกลุ่มทดลอง มีอาการถอนนิโคติน ความอยากบุหรี่ และการรับรู้ความสามารถในการจัดการอาการถอนนิโคตินดีกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัย สำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 หลังการทดลองและติดตามผล

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
กมลเกรียงไกร ศ., แก้วปาน ว., กลัมพากร ส. ., & ศีลบุตร จ. (2022). ประสิทธิผลของโปรแกรมการจัดการอาการถอนนิโคตินสำหรับพนักงานอุตสาหกรรมที่มีความตั้งใจในการเลิกสูบบุหรี่ในระยะลังเลใจและระยะพร้อมปฏิบัติ. วารสารพยาบาล, 71(1), 45–52. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TJN/article/view/251321
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ชีวนันท์ เลิศพิริยสุวัฒน์, อริยะ บุญงามชัยรัตน์ และไผท จุนทะเกาศลย์. (บ.ก.). (2559). แผนยุทธศาสตร์การ

วิจัยและพัฒนาด้านการป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพของประเทศไทย พ.ศ. 2560 - 2564.

กรุงเทพมหานคร: นิวธรรมดาการพิมพ์.

นิยม จันทร์นวล, และศิริญญา วิลาศรี. (2560). ผลการประยุกต์ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเองในการ

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ. วารสารสุขภาพ

และการศึกษาพยาบาล, 23(1), 44-58.

ปรัชพร กลีบประทุม. (2559). ผลของโปรแกรมส่งเสริมการเลิกสูบบุหรี่สำหรับผู้สูบบุหรี่ในตำบลบางแก้ว

อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). มหาวิทยาลัย

มหิดล, กรุงเทพมหานคร.

พรรณี ปานเทวัญ. (2560). ทฤษฎีความสามารถของตนเองกับการเลิกสูบบุหรี. วารสารพยาบาลทหารบก, 18

(3), 35-43.

ศรัณยพิชญ์ ปาประลิต, สุรินธร กลัมพากร และจุฑาธิป ศีลบุตร. (2559). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้เพื่อ

ช่วยเลิกบุหรี่แบบกระชับ ร่วมกับการใช้โทรศัพท์ติดตามผลการเลิกบุหรี่ของพนักงานอุตสาหกรรม

ผลิตภัณฑ์หลังคา จังหวัดสระบุรี. วารสารพยาบาล, 65(1), 28-38.

สุปาณี เสนาดิสัย, และสุรินธร กลัมพากร. (2555). บุหรี่กับสุขภาพ: พยาบาลกับการควบคุมการบริโภค

ยาสูบ. กรุงเทพมหานคร: เครือข่ายพยาบาลเพื่อการควบคุมยาสูบแห่งประเทศไทย.

อรอนงค์ ส่งทวน. (2552). ผลของการช่วยเหลือเพื่อเลิกบุหรี่ร่วมกับผ่อนคลายด้วยวิธีการหายใจแบบลึกต่อ

อาการขาดนิโคติน ความอยากบุหรี่และการกลับมาสูบบุหรี่ซ้ำในผู้ป่วยศัลยกรรม (วิทยานิพนธ์

ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร.

เอมหทัย ศรีจันทร์หล้า. (2556). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการ

เลิกสูบบุหรี่ของผู้ป่วยจิตเภท(วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์). จุฬาลงกรณ์

มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร.

Bandura, A. (1999). A social cognitive theory of personality. In Handbook of personality (2nd ed., pp

-196). New York: Guilford.

Clyde, M., Pipe, A., Reid, R., Els, C., & Tulloch, H. (2018). A bidirectional path analysis model of

smoking cessation self-efficacy and concurrent smoking status: Impact on abstinence outcomes.

Addiction Biology, 24(5), 1034-1043. doi: 10.1111/adb.12647

Haasova, M. (2014). The effects of physical activity on cigarette cravings (Unpublished doctoral

dissertation). University of Exeter, UK.

Piper, M. E. (2015). Withdrawal: Expanding a key addiction construct. Nicotine & Tobacco Research,

(12), 1405–1415. https://doi.org/10.1093/ntr/ntv048

Polit, D. F., & Beck, C. T. (2003). Nursing research: Principles and methods (7th.ed.). Philadelphia:

Lippincott Williams and Wilkins.

Prochaska, J. O., Velicer, W. F., DiClemente, C. C., & Fava, J. (1988). Measuring processes of change:

Applications to the cessation of smoking. Journal of Consulting and Clinical Psychology, 56(4),

-528. doi:10.1037/0022-006X.56.4.520