การศึกษาสถานการณ์การส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ปี 2550

Main Article Content

สุรางค์ เชษฐพฤนท์
บุบผา ไตรโรจน์
สุภาวดี พรหมมา
วิไลลักษณ์ บังเกิดสิงห์

บทคัดย่อ

การศึกษาสถานการณ์การส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็ก ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ปี 2550 มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา สถานการณ์การจัดกิจกรรมการแปรงฟัน อาหารว่างของเด็กและการตรวจฟัน รวมทั้งการสนับสนุนการ ดําเนินงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ผู้ดูแลเด็ก ในศูนย์พัฒนา เด็กเล็ก จํานวน 1,153 แห่ง ใน 6 จังหวัด ช่วงเดือน มิถุนายน ถึง กรกฎาคม 2550 ผลการศึกษา พบว่า การแปรงฟัน ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีความเป็นไปได้มาก โดย ร้อยละ 89.8 มีการจัดกิจกรรมการแปรงฟันหลังอาหารกลางวันทุกวัน ร้อยละ 84.8 มีการเก็บแปรงสีฟันของเด็กแยกเป็นรายบุคคล และ ร้อยละ 92.5 ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ร้อยละ 59.7 ผู้ดูเด็กบีบยาสีฟันให้เด็กปริมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปรงสีฟันให้เด็ก และการดูแลเรื่อง อาหารว่างของเด็กยังไม่ดีเท่าที่ควร โดย ร้อยละ 38.8 มีการเปลี่ยนแปรงสีฟันเทอมละครั้ง ร้อยละ 30.5 เปลี่ยน ปีละครั้ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กส่วนใหญ่มีเด็กนําอาหารว่างที่เสี่ยงต่อฟันผุมารับประทานที่ศูนย์เด็ก คือ ขนม นมหวาน/ นมเปรี้ยว นมขวด เป็น ร้อยละ 73.5, 74.2, 86.6 ตามลําดับ การจัดผลไม้เป็นอาหารว่างให้เด็ก 3-5 วัน/สัปดาห์ ร้อยละ 16.4 จัดในช่วงเช้า ร้อยละ 19.5 จัดให้ในช่วงบ่าย การตรวจฟันให้เด็กมีช่วงเวลาการตรวจที่แตกต่างกันมาก การตรวจความสะอาดฟันโดยผู้ดูแลเด็กที่เป็นไปได้มากคือ ร้อยละ 45.7 มีการตรวจทุกวัน และ ร้อยละ 36.8 ตรวจ สัปดาห์ละครั้ง การตรวจฟันผุให้เด็กมี 3 รูปแบบ คือ ตรวจโดยผู้ดูแลเด็ก ตรวจโดยเจ้าหน้าที่ และตรวจโดยผู้ดูแล เด็กและเจ้าหน้าที่ โดย ร้อยละ 70.7 ผู้ดูแลเด็กเป็นผู้ตรวจฟันผุให้เด็ก การดูแลเด็กฟันผุ ส่วนใหญ่ผู้ดูแลเด็กจะ แนะนําให้ผู้ปกครองพาเด็กไปรับการรักษา มีเพียงร้อยละ 17.9 ที่มีเจ้าหน้าที่มาให้บริการรักษาที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก การสนับสนุนการดําเนินงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก พบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนได้มาก คือ สถานที่แปรงฟัน ยาสีฟัน แปรงสีฟัน การอบรมผู้ดูแลเด็ก เป็น ร้อยละ 43.3, 28.0, 26.9, 20.9 ตามลําดับ ผู้ปกครองสนับสนุน แปรงสีฟัน และยาสีฟัน ร้อยละ 49.9, 46.2 ตามลําดับ และสิ่งที่เจ้าหน้าที่ สนับสนุนได้มากคือ การอบรมผู้ดูแลเด็ก แปรงสีฟัน ยาสีฟัน เป็น ร้อยละ 44.5, 32.4, 28.3 ตามลําดับ ส่วนวัด ชุมชน และชมรมมีการสนับสนุนไม่มากนัก

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
เชษฐพฤนท์ ส, ไตรโรจน์ บ, พรหมมา ส, บังเกิดสิงห์ ว. การศึกษาสถานการณ์การส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ปี 2550. Th Dent PH J [อินเทอร์เน็ต]. 30 มิถุนายน 2008 [อ้างถึง 25 ธันวาคม 2025];13(4):69-78. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThDPHJo/article/view/179584
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

1. กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย รายผลการ สํารวจสภาวะทันตสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 5 พ.ศ. 2543-2544 โรงพิมพ์สาม เจริญพาณิชย์ (กรุงเทพ) จํากัด 2545
2. เฉิดฉันท์ศิริ โชติดิลก รายงานผลการติดตามงานทันตสาธารณสุขในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เอกสารโรเนียว 2537
3. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข คู่มือการดําเนินงานโครงการ ศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่ โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์, กรุงเทพมหานคร, 2547
4. บุบผา ไตรโรจน์ และคณะ รายงานการวิจัยโครงการพัฒนาคุณภาพงานส่งเสริมสุขภาพ ช่องปากเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เอกสารโรเนียว ตุลาคม 2550
5. บทบาทกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นhttp://www.tj.co.th/optnews/ modules/articles/article.php?id=320-accessed-11-07
6. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวง ยานมหาดไทย มาตรฐานการดําเนินงานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ระบุสถานที่พิมพ์ 2550
7. ศรีสุดา ลีละศิธร สถานการณ์การดําเนินงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ปี 2549 ว. ทันต. สธ. 2550; 12(1): 68-78
8. อุมาพร ตรังคสมบัติ สร้างวินัยให้ลูกคุณซันต้าการพิมพ์ กรุงเทพฯ 2544
9. Grytten J., Rossow I, Holst D, S Teele l. Longitudinal study of dental health behaviors and other caries predictors in early childhood. Community Dent Oral Epidimol. 1988; 16:356 - 9.
10. Persson LA, Holm AK, Arvidsson S, Samuelson G. Infant feeding and dental caries' a longitudinal study of Swedish children. Swed Dent J. 1985; 9:201 - 6.
11. หฤทัย สุขเจริญโกศล และคณะ ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยระดับปัจเจกของผู้ปกครองปัจจัย ทางสังคมวัฒนธรรม และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง กับการดูแลสุขภาพชาองปากในเด็ก 0-5 ปี ว. ทันต. สธ. 2546; 8(1-2): 38- 49