Caries Prevention; Current Strategies, New Directions
Main Article Content
Abstract
ทั้ง ๆ ที่มีวิทยาการก้าวหน้ามากมายในการป้องกันฟันผุ แต่ประชากรส่วนใหญ่ของสหรัฐก็ยังคงต้อง การมาตรการควบคุมโรคฟันผุเป็นพิเศษอยู่ เช่นเดียวกันกับประเทศอื่น ๆ ที่มีอัตราการเกิดฟันผุสูง นักวิจัยได้ พยายามค้นหาความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับกลไกการเกิดฟันผุ เช่น การใช้โมเลกุลชีวภาพเป็นมาตรการใหม่ในการ ป้องกันฟันผุ 10 ปีที่ผ่านมา มีหนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายเล่มได้กระจายข่าวว่าโรคฟันผุเป็นโรคซึ่งสามารถ หลีกเลี่ยงได้ในอนาคต เนื่องจากข้อมูลการสํารวจทางระบาดวิทยาของสหรัฐในทศวรรษที่ 70 และ 80 พบว่า กลุ่มอายุ 17 ปี มีค่าเฉลี่ย DMFS ลดลงจาก 18 เหลือเพียง 8 และเด็กอายุ 5-17 ปี จํานวนครึ่งหนึ่งของ ประเทศไม่มีฟันผุเลย แต่ก็ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ เด็กอีก 50% ที่เหลือที่ประสบกับภาวะฟันผุ นั้นมีสภาพเช่นไร ความจริงแล้วกลุ่มเยาวชนอายุ 17 ปีมีเพียง 16% เท่านั้นที่ปราศจากฟันผุ ส่วนอีก 84% ยังคงต้องได้รับการป้องกันและรักษาโรคฟันผุ ไปจนกว่าอายุ 60 ปีหรือมากกว่า เมื่อตรวจสอบข้อมูลทางระบาดวิทยานี้อย่างใกล้ชิด ประกอบกับการศึกษาในภูมิภาคต่าง ๆ แสดงให้ เห็นว่ากราฟการกระจายของโรคฟันผุนั้นเบ้ไปข้างหนึ่ง คือ โรคฟันผุ ร้อยละ 60 กระจายอยู่ในเด็กเพียงร้อยละ 20 กราฟจึงไม่เป็นรูประฆังคว่ํา เหมือนดังการผุของคนรุ่นเก่า การกระจายของโรคแยกออกเป็น 2 ทาง คือ เด็กจํานวนมากมีฟันผุน้อยหรือไม่มีฟันผุเลย ขณะที่มีเด็กจํานวนหนึ่งมีอัตราฟันผู้สูง บทเรียนที่ได้จากข้อมูลเหล่านี้ ก็คือ การใช้ค่าเฉลี่ยเป็นเกณฑ์วัดทําให้ข้อมูลไม่เที่ยงตรง เนื่องจากค่า เฉลี่ย (mean) มิได้คํานึงถึงความกว้างของข้อมูล (range) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และอีกสาเหตุหนึ่ง คือ ความเป็นอยู่ของคนในสังคมมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสุขภาพอนามัย พวกกลุ่มชนชั้นสองหรือด้อยโอกาสในสังคม มักเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งโรคภัยมากกว่ากลุ่มอื่น การกระจายของทรัพยากรที่ไม่พอเหมาะและภาวะการเกิดฟันผุในแต่ละคนทําให้โรคฟันผุไม่สูญสิ้นไปจากโลกนี้