เปรียบเทียบผลของชุดกิจกรรมส่งเสริมทันตสุขภาพที่ให้เด็กตั้งแต่อายุ 2 เดือนและ 6 เดือน ตามผลเมื่ออายุ 18 เดือน ในคลินิกสุขภาพเด็กดี โรงพยาบาลสอง จังหวัดแพร่

Main Article Content

วิลาวรรณ จันจร

บทคัดย่อ

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลการให้ชุดกิจกรรมส่งเสริมทันตสุขภาพรูปแบบใหม่ ที่มีการนำกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ มาประยุกต์ใช้ในกลุ่มทดลอง ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่เด็กอายุ  2 เดือนจนถึง 18 เดือน กับผลการให้ชุดกิจกรรมส่งเสริมทันตสุขภาพรูปแบบปกติในกลุ่มเปรียบเทียบ ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือนจนถึง 18 เดือน โดยศึกษาในเด็กอายุ 18 เดือนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ตำบลบ้านหนุน และ ตำบลบ้านกลาง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ที่มารับวัคซีนในคลินิกสุขภาพเด็กดี โรงพยาบาลสอง เก็บข้อมูลกลุ่มทดลองระหว่างมีนาคม 2556 ถึง เมษายน 2557และกลุ่มเปรียบเทียบระหว่างพฤศจิกายน 2552 ถึง ตุลาคม 2554 โดยการสัมภาษณ์พฤติกรรมการเลี้ยงดูเด็ก และ ตรวจสภาวะทันตสุขภาพของเด็ก ผลการศึกษา กลุ่มทดลอง 84 คน กลุ่มเปรียบเทียบ 74 คน พบว่า กลุ่มทดลอง ผู้ปกครองให้เด็กดื่มนมมื้อดึกน้อยกว่า และแปรงฟันให้เด็กก่อนนอนทุกวันมากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) กลุ่มทดลอง เด็กมีฟันผุน้อยกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) กลุ่มทดลองผุร้อยละ 7.1 กลุ่มเปรียบเทียบผุร้อยละ 20.3 ส่วนการมี plague และ white spot 4 ซี่หน้าบน ไม่มีความแตกต่างกัน

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
จันจร ว. เปรียบเทียบผลของชุดกิจกรรมส่งเสริมทันตสุขภาพที่ให้เด็กตั้งแต่อายุ 2 เดือนและ 6 เดือน ตามผลเมื่ออายุ 18 เดือน ในคลินิกสุขภาพเด็กดี โรงพยาบาลสอง จังหวัดแพร่. Th Dent PH J [อินเทอร์เน็ต]. 30 มิถุนายน 2016 [อ้างถึง 28 ธันวาคม 2025];21(1):34-40. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThDPHJo/article/view/149045
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

1. กลุ่มงานทันตสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่. รายงานผลการสำรวจเพื่อประเมินผลการดำเนินงานทันตสาธารณสุขจังหวัดแพร่. 2553:22–24.

2. กลุ่มงานทันตสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่. รายงานผลการสำรวจเพื่อประเมินผลการดำเนินงานทันตสาธารณสุขจังหวัดแพร่. 2554:44–48.

3. ลักขณา อุ้ยจิรากุล, สุภาภรณ์ ฉัตรชัยวิวัฒนา,จันทนา อึ้งชูศักดิ์,มุขดา ศิริเทพเทวี. ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการเลี้ยงดูและโรคฟันผุในเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจังหวัดสระแก้ว.
ว.ทันตสาธารณสุข 2556; 18(2):23–31.

4. จิราภรณ์ ชูวงศ์, ปฏิญญา ก้องสกุล. ผลของการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมต่อความรู้เรื่องโรคความดันโลหิตสูงและการบริโภคอาหารของผู้สูงอายุ. ว.วิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ 2555; 6(2)
:30-37.

5. ภาวิณี สุนทรธาราวงศ์. ผลของโปรแกรมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการคุ้มครองผู้บริโภคในโรงเรียนต่อความรู้ เจตคติและพฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารของนักเรียนประถมศึกษาจังหวัดนครนายก,วิทยานิพนธ์ปริญญาโท, มหาวิทยาลัยมหิดล,2544.

6. สถาพร พฤฑฒิกุล. คุณภาพผู้เรียนเกิดจากกระบวนการเรียนรู้. ว.การบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา 2555; 6(2):1-13.

7. ไชยยศ เรืองสุวรรณ. Active learning.ข่าวสารวิชาการ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พฤศจิกายน 2555.

8. สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. การพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลเพื่อการเฝ้าระวังสุขภาพช่องปาก และปัจจัยเสี่ยงสำคัญของประชาชนในระดับจังหวัด. ครั้งที่ 1 โรงพิมพ์สำนักกิจการองค์การทหารผ่านศึก กรุงเทพมหานคร 2554.

9. เชิดชัย ลิมปิวัฒนา. ผลกระทบของการปรับเปลี่ยนระบบบริการส่งเสริมสุขภาพช่องปากในคลินิกเด็กดี โรงพยาบาลบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา. ว.ทันตสาธารณสุข 2551;13 (1): 141-149.

10. Development and Research, University of Washington. The two paradigms of education and the peer review of teaching. J of Geoscience Education2001;49(6):
423-434.

11. โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์และคณะ :วิถีชุมชน คู่มือการเรียนรู้ที่ทำให้งานชุมชนง่าย ได้ผล และ สนุก, สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, นนทบุรี, 2545.

12. ธีรพงษ์ แก้วหงษ์ : กระบวนการเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง ประชาคม ประชาสังคม, คลังนานาวิทยา, ขอนแก่น, 2542.

13. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมวิชาการ. บทบาทครูในการเรียนรู้แบบ Active learning. ว.วิชาการ 2546;6(9):16-21.

14. Tsubouchi J, Tsubouchi M, Maynard RJ, Domoto PK., Weinstein P. A study of dental caries and risk factor among Native American infants. ASDC J Dent Child. 1995.Jul-Aug; 62(4):283-7.

15. Douglass JM ., Tinanoff N., Tang JM., Altman DS. Dental caries patterns and oral health behavior in Arizona infants and toddler. Community Dent Oral Epidemiol. 2001.Feb; 29:14-22.

16. สุณี วงศ์คงคาเทพ. ความสัมพันธ์ของการทำความสะอาดช่องปากกับการเกิดฟันผุของเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี. วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม 2551; 31(2):34-47.

17. Wendt LK., Hallonsten AL., Koch G. et al. Oral hygiene in relation to caries development and immigrant status infants and toddlers. Scand J Dent Res 1994; 102: 269-73.

18. ชนิกา ตู้จินดา: คู่มือพัฒนาการเด็ก, สำนักพิมพ์รักลูกบุ๊ค, กรุงเทพมหานคร, 2555.