ผลของโปรแกรมการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใส่ฟันเทียม และรับบริการที่คลินิกเบาหวานโรงพยาบาลวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี

Main Article Content

อนันต์ พีระนันท์รังษี

บทคัดย่อ

การศึกษานี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก การรับรู้ความสามารถของตนเองในการดูแลสุขภาพช่องปาก และสภาวะสุขภาพช่องปากของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใส่ฟันเทียมหลังโปรแกรมการดูแลสุขภาพช่องปากในคลินิกเบาหวาน โรงพยาบาลวารินชำราบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ศึกษาในกลุ่มทดลอง 50 คนและกลุ่มเปรียบเทียบ 50 คน โดยทั้ง 2 กลุ่มทำแบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก การรับรู้ความสามารถของตนเองในการดูแลสุขภาพช่องปาก  และประเมินสภาวะสุขภาพช่องปากก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรม กลุ่มทดลองได้รับการสร้างเสริมความรู้  พัฒนาทักษะ ด้วยการบรรยาย อภิปรายกลุ่ม และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มเปรียบเทียบได้รับการให้ความรู้ตามบริการปกติ ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มทดลองมีการรับรู้ของตนเองในการดูแลสุขภาพช่องปาก พฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก ดีขึ้นกว่าก่อนการทดลอง และดีกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.000) ส่วนค่าดัชนีแผ่นคราบจุลินทรีย์ และดัชนีวัดค่าเหงือกอักเสบ น้อยกว่าก่อนการทดลอง และน้อยกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.000)

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
พีระนันท์รังษี อ. ผลของโปรแกรมการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใส่ฟันเทียม และรับบริการที่คลินิกเบาหวานโรงพยาบาลวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. Th Dent PH J [อินเทอร์เน็ต]. 30 มิถุนายน 2016 [อ้างถึง 29 ธันวาคม 2025];21(1):41-50. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThDPHJo/article/view/149050
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

1. World Health Organization. Diabetes mellitus. Geneva Switzerland: World Health Organization.2012

2. กระทรวงสาธารณสุข.ข้อมูลสถิติอัตราตายของผู้ป่วยเบาหวาน. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.2555

3. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี.ข้อมูลรายงาน 21 แฟ้ม ปี พ.ศ. 2554 – 2556. 2557

4. สมาคมเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.2554เข้าถึงจาก: http://www.diabassocthai.org (เข้าถึงข้อมูล 17 มิถุนายน 2557)

5. วัชราภรณ์ เสนสอน และคณะ. โรคเบาหวานกับสุขภาพช่องปาก. วารสารทันตแพทยศาสตร์.ขอนแก่น, ปีที่ 13 ฉบับที่ 2ก.ค. – ธ.ค. 2555. 2555

6. Kay, E. J. How often should we go to the dentist?. British Medical Journal, 319, 204-205. 1999

7. อัมพร เดชพิทักษ์ และ รัชนก นุชพ่วง. ความสามารถในการบดเคี้ยวอาหารของผู้สูงอายุ จังหวัดเชียงใหม่. วิทยาสารทันตสาธารณสุข, 13(1), 97-105. 2551

8. ชลธิชา พุทธวงษ์นันทน์.ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตด้านทันตสุขภาพของผู้สูงอายุในคลินิกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดสมุทรปราการ.วิทยาสารทันตสาธารณสุข. 13(3), 7-18.2551

9. Bandura, A. Self-efficacy: toward a unifying theory of behavioral change. Psychological review, 84(2), 191.1977

10. Best, J. W. Research in education (3rd ed). Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall. 1977

11. อิสริยาภรณ์ สุรสีหเสนา. ผลของโปรแกรมการดูแลสุขภาพช่องปากเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยเบาหวานหมู่บ้านโสก อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ. 2553

12. Loe H, Silness J. Periodontal Disease In Pregnancy. I. Prevalence And Severity. Acta OdontolScand.Dec ;21:533–551.1963

13. ศุภศิลป์ ดีรักษา. ผลของโปรแกรมดูแลสุขภาพช่องปากด้วยการเรียนรู้เชิงกระบวนการสนทนากลุ่มต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองทางทันตสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวาน ในเขตพื้นที่ให้บริการสุขศาลาเทศบาลตำบลท่าคันโท อำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารทันตาภิบาล ปีที่ 25 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม. 2557

14. ศรุตา แสงทิพย์บวร. ประสิทธิผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมกับการดูแลสุขภาพช่องปากต่อระดับน้ำตาลในเลือดและสภาวะปริทันต์ในผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย. 2557