ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการคงอยู่ของการเป็นอาสาสมัครทันตกรรมของผู้ปกครอง โรงเรียนอนุบาลสระบุรี จังหวัดสระบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพรรณนามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการคงอยู่ของการเป็นอาสาสมัครทันตกรรมของผู้ปกครองโรงเรียนอนุบาลสระบุรี โดยศึกษาผู้ปกครองที่เป็นอาสาสมัครทันตกรรมในปีการศึกษา 2558 ทุกคน เครื่องมือเป็นแบบสอบถามให้ตอบด้วยตนเอง โดยส่งผ่านทางครูประจำชั้น ดำเนินการระหว่างเดือนมกราคม ถึง มีนาคม 2559 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย การทดสอบไคสแควร์ และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า อาสาสมัครทันตกรรมตอบกลับมาครบทุกคน 127 คน เป็นเพศหญิงร้อยละ 93.7 อายุเฉลี่ย 39.8 ปี ส่วนใหญ่จบการศึกษาปริญญาตรีหรือสูงกว่า เป็นแม่บ้าน มีรายได้ต่อเดือนสูงกว่า 15,000 บาท มีสถานภาพสมรสคู่ และเป็นอาสาสมัครทันตกรรมเฉลี่ย 1.4 ปี ปัจจัยจูงใจ (ด้านการได้รับประโยชน์) มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการคงอยู่ของการเป็นอาสาสมัครทันตกรรมของผู้ปกครองในระดับบุคคล (ความตั้งใจที่จะปฏิบัติงานเป็นอาสาสมัครทันตกรรมอย่างต่อเนื่อง) ปัจจัยค้ำจุน(ด้านนโยบายและการบริหารงานของเครือข่ายอาสาสมัครทันตกรรม สภาพการทำงานและความมั่นคงในงาน) มีความสัมพันธ์ทางลบกับการคงอยู่ของการเป็นอาสาสมัครทันตกรรมของผู้ปกครองในระดับบุคคล (ความตั้งใจที่จะปฏิบัติงานเป็นอาสาสมัครทันตกรรมอย่างต่อเนื่อง) และปัจจัยค้ำจุน (ด้านนโยบายและการบริหารงานของเครือข่ายอาสาสมัครทันตกรรม) ยังมีความสัมพันธ์ทางลบกับการคงอยู่ของการเป็นอาสาสมัครทันตกรรมของผู้ปกครองโดยรวม ปัจจัยสนับสนุนโดยรวมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการคงอยู่ของการเป็นอาสาสมัครทันตกรรมของผู้ปกครองในระดับเครือข่าย (ความเข้าใจระบบการทำงานเครือข่ายอาสาสมัคร ทันตกรรม) ปัจจัยสนับสนุน (ด้านการสนับสนุนจากผู้เกี่ยวข้องต่างๆ) มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการคงอยู่ของการเป็นอาสาสมัครทันตกรรมของผู้ปกครองโดยรวมและการคงอยู่ของการเป็นอาสาสมัครทันตกรรมของผู้ปกครองในระดับเครือข่าย (ความพึงพอใจระบบการทำงานเครือข่ายอาสาสมัครทันตกรรม) ซึ่งความสัมพันธ์ทั้งหมดนั้นเป็นความสัมพันธ์ระดับต่ำ (r = .175-.237)
Downloads
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2. Coots, J.J. (1998, Win). “Family resources and parent participation in schooling activities for their children with developmental delays”. Journal of Special Education, 31(4): 498-520.
3. Louise, W.T. (1998, June). “Parental perceptions of current and ideal levels of family participation in early intervention program practices in lllinois (Parent involvement).”
Dissertation Abstracts Program International,58(12) : 4551-A.
4. Westmoreland, Helen. (2009). Family Involvement Across Learning Setting. Harvard Family Research Project.Retrieved August 17, 2009, from:http://www.hfrp.org
/familyinvolvement/publications-resources/ family- involvement-across-learning-settings.
5. สุวัชพานิชวงษ์. (2546). การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองนักเรียนในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนในเขตอำเภอเมืองสุพรรณบุรีจังหวัดสุพรรณบุรี. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กรุงเทพมหานคร.
6. Epstein, J.L.et al. (1997). School, family, community partnerships: your handbook action. Thousand Oaks: Corwin Press.704.
7. วราภรณ์ ศิริสว่าง. (2542). อนามัยโรงเรียนทฤษฎีและการปฏิบัติ.เชียงใหม่: นพบุรีการพิมพ์.
8. Daniel, U.L. &Rayna, F.L. (1996). Home Environment, The Family and Cognitive Development Society and Education. (9th ed.). New York: Simon & Schuster.
9. วิวรรณ สารกิจปรีชา. (2554). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะของผู้ปกครองกับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่เขตคลองเตยกรุงเทพมหานคร.(วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กรุงเทพมหานคร.
10. เกตุสุเดช กำแพงแก้ว. (2547). การศึกษากิจกรรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการจัดการศึกษาของโรงเรียน: กรณีศึกษาโรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม.(ดุษฎีนิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กรุงเทพมหานคร.
11. กลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลสระบุรี. (2548). เอกสารทส.003โรงเรียนในเขตอำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี.
12. กลุ่มงานทันตสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี. (2548). เอกสารผลการสำรวจ พฤติกรรมการบริโภคน้ำตาลในกลุ่มเด็กนักเรียนประถมศึกษา จังหวัดสระบุรี.
13. เอกสารผลงานเครือข่ายอาสาสมัครทันตกรรมเพื่อการประกวดรางวัลไลอ้อนส์เพื่อสุขภาพช่องปาก.โรงเรียนอนุบาลสระบุรี. (2556).
14. Herzberg, F. (1959). TheMotivation of Work. New York:JohnWiley&Sons.Herzberg, F. (1987). One More Time: How do You Motivate Employees?.Harvard Business Review. Retrieved October 3, 2012 from:http://numerons.files.wordpress.com/2012/04/how-do-you-motivateemployees-frederick-herzberg.pdf
15. Pilisuk, M. (1982). Delivery of Social Support: The Social Innovation. American Journal of Orthoppsychiatry,52(January), 20.
16. House, R,, Rousseau, D. M.,& Thomas–Hunt, M. (1995). The Meso paradigm: A framework for the integration of micro and macro organizational behavior. In Cummings, L. L. &Staw, B. M. (Eds.), Research in Organizational Behavior. Greenwich: JAI Press.71-114.