ประเมินผลโครงการส่งเสริมสุขภาพช่องปากคนพิการแบบองค์รวม ในศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัดสุโขทัย ปี 2554

Main Article Content

อำมา ปัทมสัตยาสนธิ

บทคัดย่อ

การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการดำเนินโครงการส่งเสริมสุขภาพช่องปากคนพิการแบบองค์รวมในศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัดสุโขทัย โครงการดำเนินการช่วงตุลาคม 2553-กันยายน 2554โดยทีมสหวิชาชีพออกหน่วยเคลื่อนที่ที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ พัฒนาศักยภาพเครือข่ายผู้ดูแลคนพิการ ติดตามการดำเนินงานโดยประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประเมินผลโดยเก็บข้อมูลก่อนและหลังการดำเนินโครงการด้วยการ 1.ตรวจสภาวะสุขภาพช่องปากเด็กพิการ 2.สัมภาษณ์เด็กพิการและผู้เกี่ยวข้องเรื่องพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก การบริโภคอาหารที่มีผลต่อโรคฟันผุ และ 3.การเข้าถึงบริการส่งเสริม ป้องกัน รักษาทางทันตกรรมของคนพิการ ประเมินระดับความรู้และความพึงพอใจของผู้ดูแลคนพิการที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ และเก็บข้อมูลเพิ่มเมื่อไปเยี่ยมบ้านคนพิการที่ไม่สามารถมาที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ กลุ่มตัวอย่างตามความสมัครใจของผู้ปกครองจำนวน 102 คน ส่วนใหญ่ร้อยละ 65.7 อายุ 6-15 ปี ผลการศึกษา พบว่า 1.ผู้บริหารศูนย์ร่วมทำแผนพัฒนาทักษะส่วนบุคคลของผู้พิการ สนับสนุนงบจัดจ้างพี่เลี้ยงคนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดสถานที่แปรงฟันที่ศูนย์ 2.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนพี่เลี้ยงคนพิการดูแลคนพิการตามบ้านและจัดรถรับส่งคนพิการไปโรงพยาบาล 3.ผู้ปกครอง/ผู้ดูแลมีทัศนคติที่ดีในการเลี้ยงดูเด็กให้ช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน ปรุงอาหารที่มีผักเป็นส่วนประกอบ จัดผลไม้แทนขนมกรุบกรอบ ฝึกแปรงฟันให้เด็ก พาเด็กเข้ารับบริการตามนัด ผู้ปกครอง/ผู้ดูแลคนพิการส่วนใหญ่คือร้อยละ72.5 มีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากคนพิการ ที่ระดับคะแนนมากกว่าร้อยละ 80ขึ้นไป มีความพึงพอใจต่อการอบรม การตรวจและรักษาทางทันตกรรม การพัฒนาทักษะการแปรงฟัน ที่ระดับความพึงพอใจมากที่สุดร้อยละ63.9 รองลงมาคือระดับความพึงพอใจมากร้อยละ35.4 และ 4.คนพิการมีทัศนคติที่ดีในการดูแลสุขภาพช่องปาก แปรงฟันได้เองถูกต้องมากขึ้นและความถี่ในการแปรงฟันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p < 0.01 ) มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพช่องปากอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.001) คือดื่มนมจืดเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 43.1 เป็นร้อยละ 71.6ไม่ดื่มน้ำอัดลมเลยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 15.7 เป็นร้อยละ 30.4 ไม่กินขนมกรุบกรอบเลยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.9 เป็นร้อยละ 32.4  คนพิการรับบริการตามนัดที่รพ.ร้อยละ 49.0 ได้รับการรักษามากขึ้น ค่าเฉลี่ยฟันอุด 1.05 ± 1.59 ซี่ต่อคน และ ค่าเฉลี่ยฟันถอน 0.47±1.11 ซี่ต่อคน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( p< 0.05 ) ในทุกกลุ่มอายุ ทั้งหญิงและชาย และ กลุ่มพิการทางกายหรือการเคลื่อนไหวและกลุ่มพิการทางสติปัญญาหรือการเรียนรู้

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
ปัทมสัตยาสนธิ อ. ประเมินผลโครงการส่งเสริมสุขภาพช่องปากคนพิการแบบองค์รวม ในศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัดสุโขทัย ปี 2554. Th Dent PH J [อินเทอร์เน็ต]. 30 มิถุนายน 2014 [อ้างถึง 28 ธันวาคม 2025];19(1):37-52. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThDPHJo/article/view/152430
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

1. World Health Organization. Concept paper world report on disability and rehabilitation (on line) 2006 (cited 2006 Nov 13]. Available from : URL:http:/www.who.int/disabilitittes/pubilcations/dar_world_report_note.pdf

2. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550

3. สำนักงานสถิติแห่งชาติกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสถานการณ์ความพิการในประเทศไทยกรุงเทพมหานคร2546

4. สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุโขทัย.โปรแกรมฐานข้อมูลคนพิการจังหวัดสุโขทัย;กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์;2555

5. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์.พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2555

6. อุทัยวรรณกาญจนกามล.ปรัชญาแนวคิดและหลักการดำเนินงานทันตกรรมป้องกัน.เอกสารสรุปการประชุมสัมมนาระดับชาติ.เรื่องแนวทางพัฒนาทันตกรรมป้องกันทางคลินิก ตุลาคม 2553 คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2534;20-36.

7. สุวรรณี ตวงรัตนพันธ์อุทัยวรรณกาญจนกามลแนวคิดทางทันตกรรมพร้อมมูลชม.ทันตสาร 2543;21(2):7-24.

8. CallanenVA.JosephLP,KleinmanDV.Prevention of dental disease.In:JongAW.Community Dental Health.2nded,St Louis,Mosby,1988:117-150.

9. Bäckman B, Pilebro C. Visual pedagogy in dentistry for children with autism. ASDC J Dent Child. 1999;66:325–31.

10. World Health Organization. The Ottawa Charter for Health Promotion.World Health Organization,Geneva,1986.

11. Watt RG.and Fuller SS.Oral health promotion opportunity nocks!Br Dent J 1999:186(1):3-6.

12. สุรเกียรติ อาชานุภาพ.วิวัฒนาการส่งเสริมสุขภาพระดับชาติ.พิมพ์ครั้งที่ 3กรุงเทพมหานคร สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข;2541:11-14.

13. FrazaoP,MarquesD.Effectiveness of a Community Health Worker Programon Oral Health Promotion.RevSaude Pubiica.2009.Jun;43(3):463-71.

14. PulverLisa,FitzpatrickSally,RitchieJan,NorrieMarion.Filling the Gap:An Evaluation of a Voluntary Dental Program Within an aboriginal and Torres Strait Islander Community Controlled Primary Health Service.Aboriginal&Islander Health Worker Journal.2010.July/August;43(4):3-7.

15. ศิวพร สุขสว่าง วัชราภรณ์ ทัศจันทร์ ชัยวัฒน์ มณีนุษย์ผลของฟลูออไรด์เฉพาะที่ต่อการคืนกลับแร่ธาตุของรอยโรคจุดขาวจำลองในฟันน้ำนม ว.ทันต จุฬาฯ 2550;30:169-80.

16. Weng RH, Kung PT, Tsai WC, Chiang HH, Chiu LT. The use of fluoride varnish and its determining factors among children with disability in Taiwan. Res DevDisabil 2011 Jun., 32(2): 583-592.