ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการเลี้ยงดูและโรคฟันผุ ในเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จังหวัดสระแก้ว

Main Article Content

ลักขณา อุ้ยจิรากุล
สุภาภรณ์ ฉัตรชัยวิวัฒนา
จันทนา อึ้งชูศักดิ์
มุขดา ศิริเทพทวี

บทคัดย่อ

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการเลี้ยงดูและโรคฟันผุในเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จังหวัดสระแก้ว ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน พ.ศ.2555 เป็นการศึกษาแบบตัดขวาง เก็บข้อมูลโดยการสอบถามปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคฟันผุในเด็กเล็ก และการตรวจสุขภาพช่องปากเด็กและผู้ปกครอง วิเคราะห์ความสัมพันธ์หลายตัวแปรในสมการถดถอยพหุคูณลอจิสติก พบว่า เด็ก 431 คน เป็นชายร้อยละ 45.0 และหญิงร้อยละ 55.0  อายุระหว่าง 2 ถึง 5 ปี เด็กฟันผุร้อยละ 78.4 เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่า เด็กเล็กที่ผู้ปกครองมีความรู้ว่าการรับประทานขนมหวานทำให้ฟันผุ มีความเสี่ยงต่อโรคฟันผุมากกว่ากลุ่มที่ผู้ปกครองไม่มีความรู้ (อัตราส่วนความเสี่ยง=2.361; 95%CI=1.012-5.506) เด็กเล็กที่ผู้ปกครองตรวจดูฟันผุหรือดูความสะอาดฟันเด็กเป็นประจำ มีความเสียงต่อโรคฟันผุน้อยกว่ากลุ่มที่ผู้ปกครองไม่ตรวจดูฟันผุหรือดูความสะอาดฟันเด็ก (อัตราส่วนความเสี่ยง=3.177; 95%CI=1.768-5.709) เด็กเล็กที่ก่อนหย่านมไม่ได้ดื่มนมแม่เป็นหลัก มีความเสี่ยงต่อโรคฟันผุมากกว่ากลุ่มที่ดื่มนมแม่เป็นหลัก (อัตราส่วนความเสี่ยง=2.471; 95%CI=1.425-4.285) เด็กเล็กที่เริ่มดื่มเครื่องดื่มใส่น้ำตาลเร็ว มีความเสี่ยงต่อโรคฟันผุมากกว่ากลุ่มที่เริ่มดื่มเครื่องดื่มใส่น้ำตาลช้า (อัตราส่วนความเสี่ยง=0.966; 95%CI=0.938-0.993) และเด็กเล็กที่ผู้ปกครองมีค่าฟันผุถอนอุด (DMFT) สูงกว่า มีความเสี่ยงต่อโรคฟันผุมากกว่ากลุ่มที่ผู้ปกครองมีค่าฟันผุถอนอุด (DMFT) ต่ำกว่า (อัตราส่วนความเสี่ยง=1.086; 95%CI=1.029-1.147)

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
อุ้ยจิรากุล ล, ฉัตรชัยวิวัฒนา ส, อึ้งชูศักดิ์ จ, ศิริเทพทวี ม. ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการเลี้ยงดูและโรคฟันผุ ในเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จังหวัดสระแก้ว. Th Dent PH J [อินเทอร์เน็ต]. 31 ธันวาคม 2013 [อ้างถึง 30 ธันวาคม 2025];18(2):23-32. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThDPHJo/article/view/152920
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

1. American Academy of Pediatric Dentistry. Policy on early childhood caries (ECC): classifications, consequences and preventive strategies. Pediatr Dent 2009; 30 (7 Suppl): 40-3.

2. สิทธิชัย ขุนทองแก้ว. วิทยาการโรคฟันผุ พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพมหานคร บริษัทไอกรุ๊ปเพรสจำกัด 2552

3. นุสรา ภูมาศ. รูปแบบการผุของฟันน้ำนมในเด็ก 3 และ 6 ปี : จังหวัดมหาสารคาม. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาทันตสาธารณสุข คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ประเทศไทย, 2539.

4. กรมอนามัย กองทันตสาธารณสุข รายงานผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 6 พ.ศ.2549-2550,โรงพิมพ์สำนักกิจการองค์การทหารผ่านศึก; 2551.

5. จีรศักดิ์ ทิพย์สุนทรชัย. การศึกษาเปรียบเทียบอัตราการเกิดฟันผุเด็กที่เข้าร่วมโครงการและไม่เข้าร่วมโครงการแม่ลูกฟันดี 102 ปี สมเด็จย่า จังหวัดบุรีรัมย์. ว ทันต 2551; 13: 16-24.

6. กนกพร โพธิ์หอม. ความชุกความรุนแรงและรูปแบบการผุของฟันน้ำนมในเด็กอายุ 3 ปี อ.เมือง จ.นครสวรรค์. ว ทันต 2551; 13: 150-9.

7. สำนักทันตสาธารณสุข. รายงานระบบเฝ้าระวังทันตสาธารณสุข. http://phdb.moph.go.th/hssd1/umd/HSS_DENTAL/report/report_dental.php. สืบค้นวันที่ 20 เมษายน 2555.

8. อรุณ จิรวัฒน์กุล. สถิติทางวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อการวิจัย. กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน์; 2552.

9. ศศิธร ตาลอำไพ. ประสิทธิผลของฟลูออไรด์วาร์นิชในการป้องกันฟันผุ เปรียบเทียบระหว่างการทาทุก 3 เดือน และ6 เดือนในเด็ก 8-22 เดือน [วิทยานิพนธ์]. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2550. ประเทศไทย.

10. WHO. Dental status/Caries Recording Form . Available from: http://www.mah.se/CAPP/Methods-and-Indices/Assessment-Forms-for-Clinical-Investigations/Oral-Health-Assessment-Form1/ (cited 28 Feb 2012)

11. Kressin NR, Nunn ME, Singh H, Orner MB, Pbert L, Hayes C, et al. Pediatric clinicians can help reduce rates of early childhood caries: effects of a practice based intervention. Med Care 2009; 47 (11): 1121-8.

12. Chan SCL, Tsai JSJ, King NM. Feeding and oral hygiene habits of preschool children in Hong Kong and their caregivers’ dental knowledge and attitudes. Int J Paediatr Dent 2002; 12: 322-31.

13. วสิน เทียนกิ่งแก้ว. ปัจจัยที่มีผลต่อประสบการณ์ฟันผุของเด็กก่อนวัยเรียนในศูนย์ดูแลเด็กเล็ก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาทันตสาธารณสุข คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2539.

14. Caplan LS, Erwin K, Lense E, Hick J Jr. The potential role of breast-feeding and other factor in helping to reduce early childhood caries. J Public Health Dent 2008; 68 (4): 238-41.

15. Iida H, Auinger P, Billings RJ, Weitzman M. Association between infant breastfeeding and early childhood caries in the United States. Pediatrics 2007; 120 (4): e944-52.

16. Valaitis R, Hesch R, Passarelli C, Sheehan D, Sinton J. A systematic review of the relationship between breast feeding and early childhood caries. Canadian Journal of Public Health 2000; .91: 411–7.

17. Bowen WH, Pearson SK. 1993. Effect of milk on cariogenesis. Caries Res 27: 461-6.

18. Kashket S, DePaola DP. Cheese consumption and the development and progression of dental caries. Nutrition Reviews 2002; 60: 97-103.

19. Kawashita Y, Fukuda H, Kawasaki K, Kitamura M, Hayashida H, Furugen R, et al. Pediatrician recommended use of sports drinks and dental caries in 3-year old children. Community Dent Health 2011; 28: 29-33.

20. Berkowitz, RJ. Acquisition and transmission of mutans streptococci. J Calif Dent Assoc 2003; 31(2): 135-8.

21. Thitasomakul S, Piwat S, Thearmontree A, Chankanka O, Pithpornchaiyakul W, Madyusoh S. Risk for early childhood caries analyzed by negative binomiall models. J Dent Res 2009; 88 (2): 137-41.