โครงการพหุภาคีเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อการสร้างเสริมพฤติกรรมการบริโภคอ่อนหวานเด็กนักเรียน
Main Article Content
บทคัดย่อ
สำนักทันตสาธาณสุข เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน สถาบันเสริมสร้างพลังชุมชน โรงพยาบาลเทิง โรงพยาบาลพาน โรงพยาบาลสมเด็จพระญาณสังวรและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกันพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมพฤติกรรมการบริโภคอ่อนหวานในเด็กนักเรียนประถมศึกษา ด้วยการศึกษาเชิงคุณภาพในลักษณะการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมระหว่างพหุภาคีจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกับเครือข่ายภาคีหุ้นส่วนซึ่งประกอบด้วยคณะครูและแกนนำนักเรียน ผู้ที่เกี่ยวข้องในชุมชนของอำเภอ พาน เทิงและเวียงชัย จังหวัดเชียงราย วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้เพื่อศึกษาและพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมพฤติกรรมลดการบริโภคหวานตามความต้องการของเด็กนักเรียนโดยใช้กระบวนการสุนทรียปรัศนี การสร้างศักยภาพเครือข่ายภาคีหุ้นส่วน ให้มีบทบาทเป็นนวัตกรสังคมดำเนินกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพช่องปากนักเรียนในโรงเรียน ผลการดำเนินงานในเวลา 1 ปี พบว่าได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านการสร้างเสริมพฤติกรรมลดการบริโภคหวานในเด็กที่เน้นการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างชัดเจน คือ 1.ในเชิงกลยุทธ์มีการทำงานบูรณาการงานสร้างเสริมทันตสุขภาพร่วมไปกับประเด็นสุขภาพอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่นโรคอ้วน เบาหวาน ภาวะทุพโภชนาการ 2. เกิดรูปธรรมในการลดการบริโภคหวานในโรงเรียน มีการจัดอาหารกลางวันที่มีประโยชน์ การบริโภคผลไม้หลังอาหารแทนขนมหวานและลดการบริโภคขนมหวาน 3.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำอย่างชัดเจน 4.เกิดกระบวนการสร้างเครือข่ายหวานพอดีชีวีมีสุขในพื้นที่ด้วยความสมัครใจ 5.นวัตกรสังคม เกิดความมั่นใจและภาคภูมิใจในการมีส่วนร่วม มีความเชื่อมั่นในการทำงานเป็นทีมและการคิดบวก 6.กลุ่มแกนนำนักเรียนสามารถก่อกระแสและขับเคลื่อนกลุ่มสมาชิกในโครงการของตนได้ ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้คือ 1.ปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญในการขับเคลื่อนและสนับสนุนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทันต-สุขภาพที่พึงประสงค์ คือภาวะผู้นำและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารงานทันตสาธารณสุขและผู้บริหารสถานศึกษา 2.การสร้างเสริมทันตสุขภาพชุมชนควรริเริ่มจากการค้นหาทุนทางสังคมและปัญญาของชุมชนเป็นตัวตั้ง
Downloads
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2. กรมอนามัย กองทันตสาธารณสุข , รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากระดับประเทศ ครั้งที่6 ประเทศไทย พ.ศ. 2549-2550, โรงพิมพ์สำนักกิจการองค์การทหารผ่านศึก; 2551.
3. อุไรพร จิตต์แจ้ง ,ประไพศรี ศิริจักรวาลและคณะ, การศึกษาพฤติกรรมการบริโภคขนมและอาหารว่าง ของเด็ก 3-15 ปี, เอกสารรายงานการศึกษาของเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน.
4. บุญเอื้อ ยงวานิชากรและผุสดี จันทร์บาง ,รายงานการศึกษา การบริโภคขนมเด็กประถมศึกษาจังหวัดนนทบุรี, วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, ฉบับที่ 28 กรกฎาคม – กันยายน; 2546.
5. ประเวศ วะสี , ประชาคมตำบล : ยุทธศาสตร์เพื่อเศรษฐกิจพอเพียง ศีลธรรมและสุขภาพ, พิมพ์ครั้งที่1, สำนักพิมพ์มติชน, 2541.
6. ประเวศ วะสี , องค์กรชุมชน ทางรอดของรัฐบาลและสังคมไทย, มติชนรายวัน, 10 ธันวาคม 2535.
7. อุทัยวรรณ กาญจนกามล, วิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศเพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของคนไทย:ความจำเป็นเร่งด่วนในสถานการณ์วิกฤต, เอกสารเพื่อการศึกษาและแก้ไขปัญหาท้องถิ่น ลำดับที่ 10 , โรงพิมพ์สันติภาพพริ้นท์, 2538.
8. World Health Organization. Ottawa Charter for Health Promotion, An International Conference on Health Promotion. The move toward a new public health. WHO Ottawa , Canada ,1:iii-v, 1986.
9. สิทธิณัฐ ประพุทธนิติสาร , การวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม: แนวคิดและปฏิบัติโครงการวิชาการเพื่อเด็กและชุมชน คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย , โรงพิมพ์ วนิดาเพรส, กันยายน 2548.
10. Bliss W.Browne,Peter L. Chien&Coral A. Cawthorn Imagine Chicago Citizen Leaders :Inspiring Community Innovation http://imaginechicago.org/home.html.
11.อุทัยวรรณ กาญจนกามล , กุญแจแห่งความรู้สุนทรียปรัศนี ไขสู่การพัฒนาร่วมสมัย, เอกสารเพื่อการศึกษา, สถาบันเสริมสร้างพลังชุมชน, 2552.