สถานการณ์การจัดบริการส่งเสริมสุขภาพช่องปากหญิงมีครรภ์และเด็กปฐมวัย ใน รพ. สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2552

Main Article Content

สุภาวดี พรหมมา
จันทนา อึ้งชูศักดิ์
ศรีสุดา ลีละศิธร
สุรางค์ เชษฐพฤนท์

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินสถานการณ์การดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากหญิงมีครรภ์และเด็กปฐมวัยในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข วิธีการศึกษาเป็นการสำรวจแบบตัดขวาง (cross-sectional survey) โดยเก็บข้อมูลการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากหญิงมีครรภ์และเด็กปฐมวัยจากหัวหน้ากลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป และหัวหน้าฝ่ายทันตสาธารณสุข โรงพยาบาลชุมชนสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขในทุกจังหวัด โดยส่งแบบสอบถามและรวบรวมส่งกลับทางไปรษณีย์ ระหว่างเดือน ตุลาคม - ธันวาคม 2552 ผลการศึกษา ได้รับการตอบกลับจำนวน 293 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 35.3 ของโรงพยาบาลทั้งหมด การจัดบริการส่งเสริมสุขภาพช่องปากโดยการตรวจและให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพช่องปากในหญิงมีครรภ์และเด็กมีการดำเนินการในโรงพยาบาลมากกว่าร้อยละ 98 เมื่อมีนโยบายบูรณาการกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปากในโครงการโรงพยาบาลสายใยรัก แห่งครอบครัวมีผลให้ทำงานดีขึ้น มีการพัฒนาระบบการให้บริการที่คำนึงถึงความสะดวกของผู้รับบริการ โดยจัดเป็นคลินิกพิเศษสำหรับผู้หญิงมีครรภ์และเด็ก โรงพยาบาลมากกว่าร้อยละ 83 จัดให้มีการฝึกแปรงฟันในหญิงมีครรภ์และเด็ก มากกว่าครึ่งยังฝึกแปรงในโมเดล การดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากหญิงมีครรภ์ และเด็กในสถานีอนามัยส่วนใหญ่ยังดำเนินการโดยบุคลากรสาธารณสุข การดำเนินงานในชุมชนยังเป็นการดำเนินการในลักษณะของการให้บริการโดยบุคลากร การศึกษาครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า ควรมีการพัฒนาระบบการจัดบริการเพื่อให้มีการฝึกแปรงฟันจริงในหญิงตั้งครรภ์และเด็กให้มากขึ้น พัฒนาบุคลากรสาธารณสุข  ในสถานีอนามัยให้สามารถฝึกผู้ปกครองแปรงฟันและการทาฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุได้ สำหรับในชุมชนควรเน้นการสร้างความร่วมมือกับพ่อแม่ผู้ปกครองและชุมชนในการแก้ไขปัญหาฟันผุของเด็ก

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
พรหมมา ส, อึ้งชูศักดิ์ จ, ลีละศิธร ศ, เชษฐพฤนท์ ส. สถานการณ์การจัดบริการส่งเสริมสุขภาพช่องปากหญิงมีครรภ์และเด็กปฐมวัย ใน รพ. สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2552. Th Dent PH J [อินเทอร์เน็ต]. 30 มิถุนายน 2012 [อ้างถึง 30 ธันวาคม 2025];17(1):50-9. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThDPHJo/article/view/178213
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

1. กองทันตสาธารณสุข แผนงานทันตสาธารณสุขตามแผนพัฒนาการสาธารณสุข ฉบับที่7 (พ.ศ. 2535-2539) ไม่ระบุสำนักพิมพ์.

2. กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย.แนวทางการดำเนินงานโครงการแม่ลูกฟันดี 102 ปี สมเด็จย่า โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกกรุงเทพฯ 2546.

3. บุบผา ไตรโรจน์, จันทนา อึ้งชูศักดิ์, ศรีสุดา ลีละศิธร, สุภาวดี พรหมมา และสุรางค์ เชษฐพฤนท์, การศึกษากระบวนการดำเนินงานโครงการแม่ลูกฟันดี 102 พ.ศ. 2547.

4. รักชนก นุชพ่วง และอัมพร เดชพิทักษ์ การประเมินผลโครงการแม่ลูกฟันดี 102 ปีสมเด็จย่า จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2546-2548. ว.ทันต.สธ 2550; 12(3) : 40-49.

5. สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คู่มือดำเนินงานโครงการโรงพยาบาล
สายใยรักแห่งครอบครัว ภายใต้ชุดสิทธิ์ประโยชน์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าด้าน ส่งเสริมป้องกันและเฝ้าระวังการเจ็บป่วย กลุ่มหญิงมีครรภ์และเด็กแรกเกิด - 5 ปี พ.ศ. 2551

6. กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ถอดบทเรียนสายใยรักผูกพัน...เพื่อแม่ลูกฟันดี, โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด, 2552.

7. จีรศักดิ์ ทิพย์สุนทรชัย. การศึกษาเปรียบเทียบ อัตราการเกิดฟันผุของเด็กที่เข้าร่วมโครงการและไม่เข้าร่วมโครงการแม่ลูกฟันดี 102 ปี สมเด็จย่าจังหวัดบุรีรัมย์, ว.ทันต.สธ 2551; 13(1) : 16-24.

8. เกษม กัลยาสิริ และชูจิตร คําซื้อ, การศึกษารูปแบการส่งเสริมสุขภาพและ ป้องกันโรคในช่องปากหญิงมีครรภ์และบุตร (0-3ปี), ว.ทันต.สธ 2551; 13(5) : 62-69.

9. จิราภรณ์ แต้วีระพิชัย. สถานการณ์การใช้ฟลูออไรด์วาร์นิชของทันตบุคลากรในสถานบริการทันตกรรมของรัฐระดับภูมิภาค ว.ทันต.สธ 2551; 58(1).

10. สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. คู่มือบริหารงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปีงบประมาณ 2552. 2551; (1).

11. Paunio P., Rautava P., Sillanpaa M. et al. Dental health habits of 3-year old Finnish children. Community Dent Oral Epidemiol 1993; 21: 4-7.

12. Stecksen-Blicks C. and Holm AK. Between-meal eating, toothbrushing frequency and dental caries in 4-yearold children in the north of Sweden. Int J Paediatr Dent 1995; 5: 67-72.

13. Tsubouchi J., Tsubochi M., Maynard RJ. et al. A study of dental caries and risk factors among Native American infants. J Dent Child 1995; 62: 283-7.

14. Wendt LK., Hallonsten AL., Koch G. et al. Oral hygiene in relation to caries development and immigrant status infants and toddlers. Scand J Dent Res 1994; 102: 269-73.

15. รุจิดา ธีระรังสิกุล และก้องเกียรติ เติมเกษมศานต์, การแปรงฟันให้เด็กวัย 18-36 เดือน โดยมารดาที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพนครสวรรค์, ว.พยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 2546, 11: 34-45.

16. รายงานบุคลากรทันตสาธารณสุข ปี2552. http//www.anamai.ecgats.com/

17. จารุวรรณ จิรทองคำโชติ. ในสรุปผลงานเด่นการจัดบริการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก ปี 2553 การส่งเสริมสุขภาพช่อปากในคลินิกเด็กดี เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอ พัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี.