การศึกษารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในช่องปากหญิงตั้งครรภ์และบุตร (0-3) ปี
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อประเมินผลรูปแบบการจัดบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ในช่องปากหญิงตั้งครรภ์และบุตรโดยเริ่มต้นตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์ ในระยะที่ 1 มีหญิงตั้งครรภ์ที่มารับบริการ ที่คลินิกดูแลก่อนคลอด โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพกรุงเทพฯ เข้าร่วมโครงการจำนวน 428 คน ในระยะที่ 2 เมื่อบุตร อายุ 6 เดือน มีคู่มารดาบุตร อยู่ในการศึกษา 211 คู่ และเมื่อเสร็จสิ้นการศึกษา คงเหลือ 51 คู่ ในระยะที่ 1 หญิงตั้งครรภ์ได้รับการแก้ไขปัญหาสุขภาพช่องปากและปรับปรุงพฤติกรรมการแปรงฟัน โดย นัดหมายวันเดียวกับคลินิกดูแลก่อนคลอดและบันทึกน้ำหนักแรกคลอดของบุตร ระยะที่ 2 บุตรได้รับการ เฝ้าระวังโรคฟันน้ำนมผุ ตามระยะเวลารับวัคซีน ส่วนมารดาได้รับการเน้นย้ำความรู้ในการดูแลทันตสุขภาพบุตรทุกครั้งที่พาบุตรมารับบริการพร้อมได้รับอุปกรณ์การทำความสะอาดช่องปากบุตรและฝึกการแปรงฟันให้บุตร ผลการศึกษาในระยะที่ 1 พบว่า สุขภาพช่องปากของหญิงตั้งครรภ์ดีขึ้น จากการได้รับบริการทันตกรรม และมีคะแนนการทดสอบการแปรงฟัน และค่าคะแนนคราบจุลินทรีย์ที่ดีขึ้น ในระยะที่ 2 ได้ผลการศึกษาเพิ่มเติมใน เรื่องสุขภาพทั่วไปของบุตรโดยอัตราการคลอดน้ำหนักตัวน้อยของกลุ่มศึกษา (345) น้อยกว่าอัตราการคลอด น้ำหนักตัวน้อยของกลุ่มมารดาที่ไม่เข้าโครงการและคลอดที่โรงพยาบาลแห่งนี้(7.39) และพบว่า เด็กกลุ่มศึกษา อายุ 3 ปี มีอัตราการปราศจากโรคฟันน้ำนมผุ (72.54) สูงกว่าเด็กกลุ่มควบคุม(42.85) อย่างมีนัยสำคัญ ผลการศึกษา สรุปได้ว่า การจัดกิจกรรมในรูปแบบนี้ น่าจะมีผลต่อการพัฒนาสุขภาพช่องปากของหญิงตั้งครรภ์และเด็กปฐมวัย
Downloads
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2. Gajendra S, Kumar JV. Oral health and pregnancy : a reviews. NY State Dent J. 2004 Jan; 70 (1): 40-4
3. Blagojevic D, Brkanic T, Stojic S. Oral health in pregnancy. Med Pregl. 2002 May-Jun; 55 (5-6): 213-6
4. Boggess KA, Edelstein BL. Oral Health in women During Preconception and Pregnancy: Implications for Birth outcomes and Infant Oral Health. Matern Child Health J. 2006 Jul 1;E pub ahead of print)
5. btayawe Koniarua aNÁ Vaawaun, ศรีสุดา ลีละศศิธร. รายงานผลการสํารวจ bönone 3 1 lsmann Isrðull W.M. 2545 - 2548. 5789 unosnumas758UQUISHOUTU.
6. Zanata RL, et.al. Effect of caries preventive measures directed to expectant mothers on caries experience in their children. Braz Dent J. 2003; 14(2): 75-81 Epub 2003 Oct 3.
7. Gunay H, et. al. Effect on caries experience of a long term preventive program for mothers and children starting during pregnancy. Clin Oral Investing. 1998 Sep ; 2(3): 137-42
8. Gomez SS, Weber AA. Effectiveness of a caries preventive program in pregnant woman and new mothers on their off spring. Int J Paediatr Dent. 2001 Mar; 11(2): 117-22
9. Li Y , Caufield PW. The fidelity of initial acquisition of mutans streptococci by infants from their mothers. J Dent Res. 1995 Feb; 74(2):681-5
10. Wright JT;et al. Effect of conventional dental restorative treatment on bacteria in saliva. Community Dent Oral Epidemiol. 1992 Jun:20(3):138-43
11. Wang J, Liu Z. Influence of amalgam on the growth of mutans streptococcus : an in vivo study. Chin J Dent. 2000 Aug; 3 (2): 33-7
12. Hujoel PP, et al. Mercury exposure from dental filling placement during pregnancy and low birth weight risk. Am J Epidemiol. 2005 Apr 15:161 (8): 734-40
13. Stoz F,et al. Is a generalized amalgam ban justified? Studies of mothers and their newborn infants. Z Geburtshilfe Neonatol. 1995 Jan-Feb; 199(1): 35-41
14. Marjorie K Jeffcoat; et al. Periodontal disease and preterm birth : results of a pilot intervention study. J Periodontal. 2003 Aug; 74(8): 1214-8
15. Lopez NJ; Smith PC,Gutierrez J. Periodontal therapy may reduce the risk of preterm low birth weigth in women with Periodontal dental disease : a randomized controlled. J Periodontal. 2002 Aug; 73(8): 911-24:2144-53
16. Schafer F, et al. The effect of oral care feed-back devices on plaque removal and attitudes towards oral care. Int Dent J.2003 Dec; 53(6 suppl 1): 404-8
17. Hancock EB, Wirthlin Mr Jr. An evaluation of the Navy Periodontal Screening Examination. J Periodontal. 1977 Feb; 48 (2): 63-6
18. จันทนา อึ้งชูศักดิ์ และคณะ: โครงการทบทวนสถานการณ์ปัญหาและองค์ความรู้เรื่องฟันผุ ในฟันน้ํานม. รายงานการวิจัย กองทันต a7575adąU NTHOUTÉE, 2547
