การศึกษาเปรียบเทียบการเคลือบหลุมร่องฟันในสถานพยาบาลและนอกสถานพยาบาล (ภาคสนาม) ในเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา จังหวัดนครสวรรค์
Main Article Content
บทคัดย่อ
ได้ศึกษาการเคลือบหลุมร่องฟัน ในเด็กนักเรียนประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 ทั้ง 12 อําเภอ จังหวัด นครสวรรค์ จํานวน 7,010 คน จํานวนฟัน 16,824 ซี ผลการประเมินเปรียบเทียบการติดแน่นของสารเคลือบ หลุมร่องฟันเมื่อครบ 6 เดือน ระหว่างการให้บริการภายในสถานพยาบาลและการให้บริการภายนอกสถานพยาบาล (ภาคสนาม) พบว่า ให้ผลแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญ (t-test=8.9: p-value< 0.05) การเคลือบหลุมร่องฟันที่ ให้บริการภายในสถานพยาบาล จํานวน 10 อําเภอ ให้ผลการประเมินเฉลี่ยร้อยละ 80.63 โดยอําเภอโกรกพระ ให้ผลสูงสุดร้อยละ 95.60 เปรียบเทียบกับให้บริการภายนอกสถานพยาบาล (ภาคสนาม) จํานวน 2 อําเภอ ให้ ผลการประเมินเฉลี่ยร้อยละ 57.11 โดยมีค่าเฉลี่ยสารเคลือบหลุมร่องฟันติดแน่นร้อยละ 76.17 หลุดบางส่วนร้อยละ 13.43 และหลุดหมดร้อยละ 10.40 สาเหตุที่ผลประเมินผลการให้บริการภายนอกสถานพยาบาล (ภาคสนาม) ให้ ผลต่ํากว่าการให้บริการภายในสถานพยาบาลอาจมีสาเหตุจากความพร้อมของสถานบริการเมื่อออกหน่วยเคลื่อนที่ ประสิทธิภาพอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นชุดเคลื่อนที่ และความพร้อมของบุคลากรที่ต้องเดินทางออกปฏิบัติงาน นอกสถานพยาบาล แม้การให้บริการเคลือบหลุมร่องฟันในเด็กนักเรียนประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 โดยให้บริการ แบบภาคสนามจะให้ผลประเมินต่ําเมื่อเทียบกับการให้บริการภายในสถานพยาบาล แต่เป็นกิจกรรมเชิงรุกทาง ด้านทันตกรรมที่ให้โอกาสแก่เด็กนักเรียนที่ขาดความพร้อมในการเข้าถึงบริการในสถานพยาบาล และช่วยให้ บริการทางทันตกรรมครอบคลุมเด็กนักเรียนได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอุบัติการณ์ การเกิดโรคฟันผุในภาพรวมได้
Downloads
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2. กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข : รายงานผลการสํารวจสภาวะ ทันตสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 4 พ.ศ. 2537. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การ สงเคราะห์ทหารผ่านศึก, 2537
3. กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข : รายงานผลการสํารวจสภาวะ ทันตสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 5 พ.ศ. 2543-2544 โรงพิมพ์สามเจริญพาณิชย์ (กรุงเทพ) จํากัด, 2545
4. กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข : รายงานการสํารวจสภาวะสุขภาพ ช่องปากของประชาชนไทยครั้งที่ 6 พ.ศ. 2550 WWW. dental. anamai.go.th/dent/
5. Bohannan Hm., Disney JA., Graves RC.,Bader JD., Klein SP., Bell RM.: Indication for Sealant use in a community based preventive dentistry program. J. Am. Dent. Ed. 48 : 45-55, 1984.
6. National Institutes of Health : Concensus development conference statements on dental sealant in the prevention of tooth decay. J. Am. Dent. ASSOC. 108 : 233, 1984
7. ศิริเพ็ญ อรุณประพันธ์ และคณะ. ผลการปรับระดับฟลูออไรด์ในน้ําประปาโรงเรียนที่มี ต่อการป้องกันโรคฟันผุของเด็กประถมศึกษา จังหวัดชลบุรี, วารสารอนามัย 2533 กย.-ตค. 19 (5) : 257-265.
8. พิสมร ตินทุกะสิริ และคณะ ความชุกของโรคฟันผุในเด็กนักเรียนอายุ 6-14 ปี หลังการ ปรับระดับฟลูออไรด์ในน้ําประปาชุมชนจังหวัด ฉะเชิงเทรา, วิทยาสารทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2535;15(1):35-40.
9. Marthaler Tm.: Fluoride supplements for systemic effect in caries prevention. In Johansen, E.,Taves, D., and Olsen, J. (eds) : Continuing education on the use of fluorides. Boulder, Colorado, Westview Press 1979, P. 33.
10. Russel AL. and Hamilton PM.: Dental caries in permanent first molar after eight year of Fluoridation. Arch Oral Biol. 6 (Special suppl.) : 50, 1961.
11. สุณี วงศ์คงคาเทพ และคณะ, รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผสมผสานเพื่อลดปัญหา ฟันผุในกลุ่มเด็กปฐมวัย, กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย พิมพ์ครั้งที่ 1. โรงพิมพ์ออนพริ้นซ้อพ (กรุงเทพ), 2548:23-31.
12. Hovuo-Saloranta A., Hiiri A., Nordblad A., Worthing H., Mkel M. Pit and fissure sealants for preventing dental decay in the permanent teeth of children and adolescents. Cochrane Database of Systematic reviews 2004, Issue 3 Art. No. : CD 001830. DOI: 10.1002/14651858. CD001830. pub 2.