ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการบริโภคหวานของผู้ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลบางใหญ่และสถานีอนามัยเครือข่าย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ เจตคติ และพฤติกรรมการบริโภคหวานรวมทั้งปัจจัยที่มี ความสัมพันธ์กับการบริโภคหวาน เพื่อนําข้อมูลมาวางแผนปรับพฤติกรรมสุขภาพให้ถูกต้อง ศึกษาจากผู้ที่ ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลบางใหญ่และสถานีอนามัยเครือข่าย จํานวน 209 คน โดยแบบสอบถามที่ได้ผ่านการ ทดสอบความตรงและความน่าเชื่อถือ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน วิเคราะห์ความสัมพันธ์โดยใช้สถิติไคสแควร์ และวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติก ผลการศึกษาพบว่ากลุ่ม ตัวอย่างร้อยละ 55.5 มีความรู้อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 56 มีเจตคติที่ดีต่อการลดการบริโภคหวาน ร้อยละ 71.8 ปฏิบัติตนอยู่ในระดับเหมาะสมปานกลาง เมื่อดูความสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆต่อการบริโภคหวาน พบว่าปัจจัยด้านอายุ เพศ สถานภาพการสมรส การมีบุตร ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทํางาน และ เจตคติมีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (P<.05) ส่วนปัจจัยด้านโรคประจําตัว ดัชนีมวลกาย ลักษณะงานที่ปฏิบัติ สถานที่ปฏิบัติงาน ระดับความรู้ไม่มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติ เมื่อศึกษาปัจจัยที่มี อิทธิพลต่อพฤติกรรมไม่พบว่ามีปัจจัยใดที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการบริโภคหวาน
Downloads
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2. สํานักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ําตาล กระทรวงอุตสาหกรรม รายงานการผลิตและจําหน่ายน้ําตาลในประเทศ พ.ศ.2547
3. ฤดี สุราฤทธิ์, น้ําตาล, พิมพ์ครั้งที่ 1 ออนพริ้นซ้อพ, 2549.
4. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภคที่มีผลต่อสุขภาพ ศึกษากรณีน้ําตาล ระหว่างปี 25042539 นายชาติชาย มุกสง นักวิจัยอาวุโส สํานักวิจัยสังคมและสุขภาพ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
5. Newbrun E.Sugar and dental caries : a review of human studies Science, Vol 217, Issue 4558, 418-423.Copyright (c) 1982 by American Association for the Advancement of Science.
6. Rodrigues CS, Sheiham A. The relationships between dietary guidelines, sugar intake and caries in primary teeth in low income Brazilian 3-year-olds: a longitudinal study. Int J Paediatr Dent. 2000;10(1):47-55.
7. DuboisL,FarmerA,GiradM,Peterson K. Regular sugar-sweetened beverage consumption betweenmeals increases risk of overweight among preschool-aged children. J Am Diet Association, 2007; 107(6):924-34;discussion 934-5.
8. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.มาตรฐาน น้ําหนัก ส่วนสูง และเครื่องชี้วัด ภาวะโภชนาการ ของประชาชนอายุ 1 วัน - 19 ปี คณะทํางานจัดทํามาตรฐาน น้ําหนัก ส่วนสูง และเครื่องชี้วัด ภาวะโภชนาการของประชาชนไทย; 2537.
9. มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เครือข่ายวิจัย “โรคอ้วนในเด็ก” มัทนี เกษกมล (แปล),แม็คโครไบโอติคส์ สํานักพิมพ์สาระ, กรุงเทพ
10. Alok Bhargava and Aliaksandr Amialchuk. Added Sugars Displaced the use of vital nutrients in the national Food Stamp Program Survey. The American Society for nutrition, 2007. JNutr.137:453-60.
11. ชุดาภา จิตพิทักษ์ พฤติกรรมศาสตร์เบื้องต้น โครงการวิชาการ มูลนิธิมหาวิทยาลัยสงขลา นครินทร์, พิมพ์ครั้งที่ 2 สํานักพิมพ์กรุงเทพ: สารมวลชน, 2525.
12. วิณี ชิดเชิดวงศ์, การศึกษาเปรียบเทียบลักษณะนิสัยในการบริโภคและการเจริญเติบโตของเด็ก ก่อนวัยเรียนที่มาจากครอบครัวที่ต่างกันในจังหวัด นราธิวาส.กรุงเทพ: วิทยานิพนธ์ปริญญาโท,มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ; 2521.
13. ทัศนีย์ เมธาคุปต์.อิทธิพลของครอบครัวที่มีผลต่อบริโภคนิสัยของเด็กก่อนวัยเรียนในตําบล ดอนคลัง อําเภอดําเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี กรุงเทพ: วิทยานิพนธ์ปริญญาโท, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร; 2527.
14. วศินา จันทร์ศิริ ปัจจัยที่มีผลต่อการกินอาหาร เอกสารการสอนชุดวิชาอาหารและโภชนาการ ศาสตร์สาธารณสุข มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. กรุงเทพ: รุ่งศิลการพิมพ์: 2526.
15. สุดาดวง เกรันพงษ์ มาตรการลดการบริโภคน้ําตาลเพื่อสร้างเสริมทันตสุขภาพ วารสาร วิชาการสาธารณสุข 2548 ; 14(4) :600-6.