การศึกษาเปรียบเทียบอัตราการเกิดฟันผุของเด็กที่เข้าร่วมโครงการและไม่เข้าร่วมโครงการแม่ลูกฟันดี 102 ปี สมเด็จย่า จังหวัดบุรีรัมย์
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาอัตราการเกิดฟันผุในเด็กอายุ 6-36 เดือน และเพื่อ เปรียบเทียบอัตราการเกิดฟันผุของเด็กที่เข้าร่วมและไม่เข้าร่วมโครงการแม่ลูกฟันดี 102 ปี สมเด็จย่า ประชากร ที่ศึกษาเป็นเด็กอายุ 3 - 36 เดือน ที่มารับบริการในสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งที่มีทันตบุคลากรในช่วงเดือน ตุลาคม 2548 ข้อมูลที่เก็บประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไป อายุ เพศ ผู้เลี้ยงดู ประวัติการเข้าร่วมโครงการแม่ ลูกฟันดี 102 ปี สมเด็จย่า และการตรวจฟันผุ ผลการศึกษาเด็กอายุ 6-36 เดือน จํานวน 1,403 คน เป็น ชายร้อยละ 50.6 หญิงร้อยละ 49.4 พบว่าเด็กเริ่มมีฟันผุตั้งแต่อายุ 7 เดือน และร้อยละของเด็กที่เกิดฟันผุ จะเพิ่มตามอายุที่มากขึ้น จากร้อยละ 6.1 ในช่วงอายุ 6-12 เดือน เป็นร้อยละ 37.9 ในช่วงอายุ 31-36 เดือน โดยมีค่าเฉลี่ยฟันผุเพิ่มจาก 0.1 ซีต่อคน เป็น 1.22 ซี่ต่อคน ตามลําดับ เมื่อเปรียบเทียบอัตราการเกิดฟันผุ ในกลุ่มที่เข้าร่วมและไม่เข้าร่วมโครงการพบว่า เด็กที่เข้าร่วมโครงการมีฟันผุร้อยละ 12.1 เด็กที่ไม่เข้าร่วม โครงการมีฟันผุร้อยละ 22.6 พบความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (P<0.05) และพบว่า อัตราการเกิด ฟันผุในเด็ก ช่วงอายุ 6-12 เดือน 13-18 เดือน และ 19-24 เดือน ของเด็กที่เข้าร่วมและไม่เข้าร่วม โครงการต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (P<0.05) ส่วนเด็กอายุ 25-30 เดือน และ 31-36 เดือน ที่เข้า ร่วมและไม่เข้าร่วมโครงการ มีอัตราการเกิดฟันผุที่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (P>0.05) การ ศึกษาครั้งนี้มีข้อสรุปได้ว่าการดําเนินโครงการแม่ลูกฟันดี 102 ปี สมเด็จย่าที่ผ่านมา น่าจะมีส่วนช่วยให้เด็ก อายุ 6-36 เดือน ในภาพรวมมีฟันผุลดลง แต่ควรพัฒนาระบบการติดตามในช่วงอายุ 24 เดือน เพื่อกระตุ้น ให้พ่อแม่ดูแลสุขภาพช่องปากเด็กอย่างสม่ําเสมอ และทํางานร่วมกับกลุ่มพ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมทั้งผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้องในชุมชนในการควบคุมการบริโภคขนม
Downloads
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2 การสํารวจสภาวะทันตสุขภาพของประชาชน จังหวัดบุรีรัมย์ครั้งที่ 4 พ.ศ.2545 (เอกสารอัดสําเนา)
3 กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการดําเนินงานโครงการ แม่ลูกฟันดี 102 ปี สมเด็จย่า:โรงพิมพ์องค์การทหารผ่านศึก ; 2545
4 WHO Oral Health Survey Basic Methods Fourth Edition, WHO, Geneva 1997
5 บุบผา ไตรโรจน์ และคณะ. การศึกษาสถานการณ์การเลี้ยงดูของผู้ปกครอง ที่มีผล ต่อสภาวะโรคฟันผุในเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2547. ว.ทันต.สธ.2548 ; 1- 2: 29 - 38
6 วิไลลักษณ์ บังเกิดสิงห์, พวงทอง ผู้กฤตยาคามี,วิกุล วิสาลเสสถ์, สุรัตน์ มงคลชัยอรัญญา ศรีสุดา ลีละศิธร.รายงานเบื้องต้นปัญหาฟันผุ และพฤติกรรมที่มีผลต่อการเกิดฟันผุในเด็ก ก่อนวัยเรียน เฉพาะพื้นที่ 8 หมู่บ้านของ อําเภอกันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ. 2545 กอง ทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (เอกสารโรเนียว)
7 Vachirarojpaisan T, Shinada K , Kawagushi Y, Laungwechakan P, Somkote T, Detsomboonrat P. Early childhood caries in children aged 6-19 months. Community Dent Oral Epidemiol 2004;32 : 1 - 10
8 สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร. สรุปผลการดําเนินงานเฝ้าระวังฟันน้ํานมเด็ก 0-3 ปี จังหวัดสกลนคร 2546 (เอกสารโรเนียว)
9 Johnsen DV. Comparison of primary and permanent teeth. InAvery JK, editor. Oral Development and Histology 2nd ed. New York Thieme Medical Publishers Inc; 1994:282-296
10 Weinstein P, Domoto P, Koday M, Leroux B. Results of a promising open trial to prevent baby bottle tooth decay : a fluoride Varnish study. J.Dent.Child. 1994; 61 : 338 - 41
11 ศูนย์อนามัยที่1 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, รายงานผลการวิจัยโครงการ ศึกษารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพและป้องกัน โรคในช่องปากหญิงตั้งครรภ์และบุตรอายุ 0-3 ปี 2549
12 รักชนก นุชพ่วง, อัมพร เดชพิทักษ์, การประเมินผลโครงการแม่ลูกฟันดี 102 ปี สมเด็จย่าจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2546-2548 ว.ทันต.สธ. 2550, 12 (13) : 40-50
13 ศูนย์อนามัยที่ 8 นครสวรรค์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.การพัฒนาศักยภาพ ของผู้ปกครองในการแปรงฟันให้เด็ก อายุ 9-18 เดือน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพนครสวรรค์ 2548
14 Paunio P., Rautava P., Sillanpaa M., Kaleva 0. Dental health habits of 3 - years old Finnish children. Community Dent Oral Epidemiol. 1993 Feb; 21 (1) : 4 - 7
15 Streekson-Blicks C., Holm AK. Between Meal eating, tooth brushing frequency and dental caries in 4 - year - old children in the North of Sweden. In J Pediatric Dent. 1995 Jun: 5(2) :K67 - 72
16 Douglass JM., Tinanoff N., Tang Jm., Altmon DS. Dental caries patterns and Oral health Behavior in Arizona infants and toddler. Community Dent Oral Epidemiol. 2001 Feb; 29 :14 - 2
17 Wendt LK, Mollonsten AL, Koch G and Birkhed D. Oral hygiene in relation to caries development in migrant status in infants and toddlers. Scand J Dent Res.1994 Oct; 102(5):269 - 73
18 ธนนันท์ เพ็ชรวิจิตร. ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคฟันผุในเด็กก่อนวัยเรียน อายุ 18 - 36 เดือน : เปรียบเทียบในชุมชนพุทธและชุมชน มุสลิม อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (ทันตกรรมสําหรับเด็ก)บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2547
19 Autio-Gold JT. Courts F. Assessing the effect of fluoride varnish on early enamel caries lesions in the primary dentition. JADA 2001; 132 :1247-53
20 กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, รายงานการวิจัยผลของการใช้ ฟลูออไรด์วาร์นิชในการป้องกันฟันผุสําหรับ เด็กอายุ 0-3 ปี (งบประมาณปีพ.ศ. 2547 2550)
21 Bruerd B. Jones C. Preventing baby bottle tooth decay : eight-year results. Public Health Rep 1996; 111:63-5
22 กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเกิด ฟันผุของเด็กไทยอายุ 6 - 30 เดือน พิมพ์ครั้ง ที่ 1, 2547
23 Tsubouchi J, Tsuboshi M, Maynard RJ. Domoto PK, and Weinstein P. A study of caries and risk factors among native American infants. ASDC. J Dent Child. 1995 ; 61 : 227 - 230
24 Grytten J, Rossow I, Holst D, Steele L. Longitudinal study of dental health behaviors and other caries predictors in early childhood. Community Dent Oral Epidemiol 1988 : 16 : 356 - 59
25 ปิยะดา ประเสริฐสม,วราภรณ์ จิระพงษา, ขนิษฐ์ รัตนรังสิมา รายงานการพัฒนาระบบ การสร้างเสริมสุขภาพช่องปากเด็กอายุ 0 - 12 ปี บนฐานความเชื่อ การรับรู้และพฤติกรรม ของเด็กและผู้ดูแลเด็ก 2546 กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (เอกสารโรเนียว)
26 กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย โครงการส่งเสริมสุขภาพช่องปากกลุ่มเด็กเล็กด้วยการ มีส่วนร่วมของชุมชน 2549
