ความสัมพันธ์ของสภาวะสุขภาพช่องปากกับพฤติกรรมการบริโภคขนมและเครื่องดื่มใน 24 ชั่วโมง ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในเขตอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี

Main Article Content

พายัพ วะชังเงิน
ชมนาด ทับศรีนวล

บทคัดย่อ

การศึกษาความสัมพันธ์เปรียบเทียบนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์และความสัมพันธ์ ของสภาวะสุขภาพช่องปากกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มใน 24 ชั่วโมงของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาตอนต้นในเขตอําเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี กลุ่มตัวอย่างได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบหลาย ขั้นตอน จํานวน 312 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือแบบตรวจสภาวะสุขภาพช่องปากและแบบสอบถาม พฤติกรรมการบริโภคขนมและเครื่องดื่มใน 24 ชั่วโมง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน ค่าทดสอบไคสแควร์ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ทดสอบความแตกต่างด้วยค่า t ทดสอบ ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way-ANOVA), และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธีการของเชฟเฟ่ ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 55.4 เป็นเพศหญิง บิดามารดาส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับราชการ, รัฐวิสาหกิจและบํานาญ ร้อยละ 26.6 โดยรายได้ส่วนใหญ่มากกว่า 15,000 บาท และค่าขนมที่นักเรียนได้รับเฉลี่ย 69 บาทต่อวัน สถานะสุขภาพช่องปาก พบว่าค่าเฉลี่ยฟันผุ ฟันถอน ฟันอุดไม่น้อยกว่า 5 ซีต่อคนและมากกว่า ครึ่งของเด็กกลุ่มนี้มีปัญหาเหงือกอักเสบ มากกว่าร้อยละ 70 นักเรียนจะดื่มนมปรุงแต่ง และมากกว่าร้อยละ 79 จะบริโภคลูกอม/เยลลี นักเรียนที่บริโภคลูกอม/เยลลีและขนมกรุบกรอบ/บิสกิต/ขนมปังกรอบ/ขนมที่ทําจาก แป้งนุ่มมีค่าเฉลี่ยฟันผุ ฟันถอน ฟันอุดมากกว่านักเรียนที่บริโภคไอศกรีมอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ p = .03 และผลการศึกษาพบว่าเพศ มีความสัมพันธ์กับค่าเฉลี่ยฟันผุ ฟันถอน ฟันอุดอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ ที่ระดับ P = .004 แต่ไม่พบความสัมพันธ์ของการดื่มเครื่องดื่มใน 24 ชั่วโมงกับค่าเฉลี่ยฟันผุ ฟันถอน ฟันอุด

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
วะชังเงิน พ, ทับศรีนวล ช. ความสัมพันธ์ของสภาวะสุขภาพช่องปากกับพฤติกรรมการบริโภคขนมและเครื่องดื่มใน 24 ชั่วโมง ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในเขตอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี. Th Dent PH J [อินเทอร์เน็ต]. 29 กุมภาพันธ์ 2008 [อ้างถึง 29 ธันวาคม 2025];13(1):160-8. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThDPHJo/article/view/210712
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

1. Jamel HA, Sheiham A, Wall RG, Cowell CR. Sweet preference, consumption of sweet tea and dental caries ; studies in urban and rural Iraqi populations. Int. Dent J 1997;47 (4) : 213-7.
2. กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการดูแลสุขภาพช่องปากของ ตนเองและครอบครัวในงานทันตกรรมป้องกัน โรงพิมพ์องค์การทหารผ่านศึก, กรุงเทพฯ, 2540.
3. Yamane. Statistic : An Introduction Analysis 3 rd ed., Tokyo, Japan. 1973.
4 A. Mombelli, F.A. Gusberti, M.A.C. van Oosten, N.P. Lang. Gingival health and development during puberty. A 4-year longitudinal study. J. Clin Periodontology. 1989 : 16(7): 451-56
5. Leena Tiainen, Sirkka Asikainen, Leena on DE Saxen. Puberty-associated gingivitis. Community Dent Oral Epidemiol. 1992: 20(2), 87-89 รายงาน ายงานรายงานการ
6. ปิยะดา ประเสริฐสม, ผุสดี จันทร์บาง, อังคณา ฤทธิ์อยู่, อุปทานขนมและเครื่องดื่มของเด็ก ในโรงเรียน ใน : น้ําตาล ความหวานในขนม เครื่องดื่ม นมพร้อมดื่ม นมผงสําหรับเด็ก นโมพริ้นติ้งแอนด์พับบลิชชิ่ง กรุงเทพฯ 2550
7. Teresa A., Marshall, Barbara Broffitt, Julie Eichenberger-Gilmore, John J. Warren, Marsha A. Cunningham, Stevev M. Levy. The Roles of Meal, Snack, and Daily Total Food and Beverage Exposure on Caries Experience in Young Children. J Public Health Dent. 2005; 65(3), 166-73
8. Clancy K.L., Bibby B.G., Goldberg H.J., Ripa L.W. and Barenie J. Snack food intake of adolescents and caries development. J. Dental Research. 1977. 56: 568-573.
9. Maliderou M, Reeves S, Noble C. The effect of social demographic factors, snack consumption and vending machine use on oral health of children living in London. Br Dent J. 2006;201(7):441-4
10. Clancy KL., Goldberg HJ, Ritz A. Snack food consumption of 12 year old inner-city children and its relationship to oral health. J Public Health Dent 1978; 38(3): 227-34 11. Freeman R., Oliver M., Bunting G., Kirk J., Saunderson W. Addressing children's oral health in equalities in Northern Ireland : a research-practice-community Ce partnership initiative. Public Health Rep. 2001; 116(6): 617-25.
12. Freeman R., Heimonon H., Speedy P., Tuutti H. Determinants of cariogenic snacking in adolescents in Belfast and Helsinki. Eur J Oral Sci 2000; 108(6): 504-10
13. Mobley CC. Nutrition and dental caries. Dent Clin North Am. 2003;47(2):319-36.