การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้ยาสีฟันและการแปรงฟันในเด็ก

Main Article Content

พรพรรณ สุนทรธรรม
วีรวรรณ แตงแก้ว
วรานุช จิตประไพ
วิกุล วิสาลเสสถ์
สุรัตน์ มงคลชัยอรัญญา
พวงทอง ผู้กฤตยาคามี

บทคัดย่อ

การศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการศึกษาเพื่อประเมินความปลอดภัยและความเสี่ยงจาก การใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในเด็ก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคและปัจจัย ในการเลือกใช้ยาสีฟันสําหรับเด็ก พฤติกรรมในการแปรงฟันของเด็ก และโอกาสในการได้รับ ฟลูออไรด์จากยาสีฟัน ทั้งนี้เพื่อประเมินโอกาสที่เด็กจะได้รับฟลูออไรด์เกินขนาดที่เหมาะสมจาก ยาสีฟันและประเมินพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อประกอบการพิจารณาและกํากับดูแลยาสีฟันผสม ฟลูออไรด์ การศึกษาเป็นการเก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ผู้ปกครองโดยใช้แบบสอบถาม ซึ่งแบ่ง กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามตามเขตที่พักอาศัย ได้แก่ เขตกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด 4 ภาค คือภาคเหนือ กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ และใต้ ซึ่งแบ่งเป็นเขตในเมือง อําเภอเมือง) และนอกเมือง (อําเภออื่นๆ) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมทางสถิติ คือ QPSS และ SPSS ทดสอบความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรโดยคํานวณค่า chi-square (%) และกําหนด level of significance (c) ที่ 0.05 จากการสัมภาษณ์ผู้ปกครองทั้งหมด 2,750 คน พบว่ายาสีฟันที่ใช้ในเด็ก 67.96% เป็นยาสีฟัน สําหรับเด็ก และชนิดของยาสีฟันที่เด็กใช้มีความสัมพันธ์กับรายได้ การศึกษา อาชีพของผู้ปกครอง และอายุของเด็ก ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีความสะดวกในการซื้อยาสีฟันสําหรับเด็ก ซึ่งความสะดวกมี ความสัมพันธ์กับแหล่งที่พักอาศัย ในการแปรงฟันของเด็กอายุต่ํากว่า 6 ปี มีผู้ใหญ่ดูแลการ แปรงฟันทุกครั้ง 50.67% บางครั้ง 46.96% เด็กใช้ยาสีฟันโดยแตะยาสีฟันที่แปรงเพียงเล็กน้อย 34.66% ใช้ยาสีฟันยาว 1 ใน 3 ของขนแปรง 17.23% เด็กเคยได้รับฟลูออไรด์เสริม 51.26% และเด็กในกรุงเทพฯเคยได้รับฟลูออไรด์เสริมมากกว่าต่างจังหวัดมาก ผู้ปกครองได้รับความรู้ เกี่ยวกับการดูแลฟันเด็กจากรายการโทรทัศน์มากที่สุด (76.44%) ในขณะที่ได้รับความรู้จากวิทยุ 35.60% และหนังสือพิมพ์ 38.87% การได้รับความรู้จากรายการโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ สัมพันธ์กับระดับการศึกษาของผู้ปกครอง ผู้ปกครองส่วนใหญ่อ่านฉลากประกอบการพิจารณา เลือกซื้อ (88.25%) สรุปได้ว่าถึงแม้ว่าจะมีการใช้ยาสีฟันสําหรับเด็กอย่างแพร่หลาย แต่ยังมีเด็ก อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ใช้ยาสีฟันสําหรับเด็กซึ่งมีความสัมพันธ์กับปัจจัยหลายอย่าง ผู้ใหญ่ยังดูแลการ แปรงฟันของเด็กไม่เพียงพอ และต้องมีการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแปรงฟันในเด็กให้กับ ผู้ปกครองโดยอาศัยสื่อต่างๆ โดยเฉพาะโทรทัศน์ซึ่งได้ผลดีในการประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้การ ให้คําแนะนําในการแปรงฟันเด็กโดยระบุไว้บนฉลากยาสีฟันน่าจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ

Downloads

Article Details

How to Cite
1.
สุนทรธรรม พ, แตงแก้ว ว, จิตประไพ ว, วิสาลเสสถ์ ว, มงคลชัยอรัญญา ส, ผู้กฤตยาคามี พ. การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในการใช้ยาสีฟันและการแปรงฟันในเด็ก. Th Dent PH J [อินเทอร์เน็ต]. 22 ธันวาคม 2003 [อ้างถึง 16 มีนาคม 2025];8(1-2):7-19. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThDPHJo/article/view/213015
บท
นิพนธ์ต้นฉบับ

References

1 ปิยะดา ประเสริฐสม โรคฟันผุและการใช้ฟลูออไรด์ในระดับชุมชน ใน การใช้ฟลูออไรด์ในระดับชุมชน, กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก 2541 : 1 - 23.
2.Mascarenhas A. K., Burt B. A. Fluorosis risk from early exposure to fluoride toothpaste. Community Dent Oral Epidemiol. 1998, 26 (4): 241 -248.
3.Pendrys D.G., Katz R.V., Morse D.E. Risk factors for enamel fluorosis in a nonfluoridated population. Am J Epidemiol. 143(8), 1996: 808-815.
4.Wang N.J., Gropen A-M, Øgaard B. Risk factors associated with fluorosis in a non-fluoridated population in Norway. Community Dent Oral Epidemiol. 25, 1997: 396-401.
5.Palmer J.C., Prothero D. L. Young children and toothpaste. Letter. Br Dent J. 1981, 150:
338-339.
6. Rock W. P., Sabieha A. M. The relationship between reported toothpaste usage in infancy and
fluorosis of permanent incisors. Br Dent J. 1997, 183: 165-170.