ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยระดับปัจเจกของผู้ปกครอง ปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรม และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็ก 0-5 ปี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยระดับปัจเจกของผู้ปกครอง และ ปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรม กับพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็ก 0-5 ปี โดย ทําการศึกษาในผู้ปกครองจํานวน 140 คน จากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 4 แห่ง ในตําบลออนกลาง กิ่งอําเภอ แม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้แบบสัมภาษณ์ผู้ปกครองเด็ก 140 คน แบบบันทึกการตรวจฟัน และแบบ บันทึกการตรวจร่างกายในเด็ก จากนั้นนํามาหาความสัมพันธ์โดยใช้การทดสอบไคว์สแควร์ (Chi-square test) และฟิชเชอร์แอกแซก (Fisher's Exact test) ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยระดับปัจเจกของผู้ปกครองที่ เกี่ยวกับการรักษาความสะอาดร่างกายของผู้ปกครองมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติกับ พฤติกรรมของผู้ปกครองในการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็ก ได้แก่ พฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก (p=0.02) พฤติกรรมการดูแลการบริโภค (p=0.02) และพฤติกรรมการดูแลเอาใจใส่ความสะอาดเด็ก (p=0.002) นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับการที่เด็กอยู่ในครอบครัวเดี่ยว/ขยาย มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติกับความมีวินัยของเด็ก (p=0.048)
Downloads
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2. สุภร ฉัตรไชยาฤกษ์ รายงานการวิจัยเรื่องกระบวนการนําหลักการสาธารณสุขมูลฐานสู่การกําหนดนโยบายและการปฏิบัติของโครงการเฝ้าระวังและส่งเสริมทันตสุขภาพ. สาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2543.
3. Green, LW., and Kreuter, MW. Health Promotion Planing An Educational and Environmental Approach. 2nd ed., USA.: May Field publishing company, 1991.
4. Lipson, JG., and Steiger, NJ. Self-care nursing in a multicultural context. California: SAGE Publications, 1996.
5. Levin, LS. Self-care in health: potentials and pitfalls. World health forum., 1981;2(2): 177 184.
6.ทิพย์วรรณ กลิ่นศรีสุข. การศึกษาพฤติกรรมการดูแลทันตสุขภาพของเด็กก่อนวัยเรียน (0-5 ปี) ในหมู่บ้าน กรณีศึกษา ตําบลบ้านหมอ อําเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี, ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวัฒนธรรมศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล, 2541.
7. พัชราลักษณ์ เถื่อนนาดี และสุปรีดา อดุลยานนท์, พฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของชาวบ้าน:กรณีศึกษา ตําบลป่ามะนาว อําเภอ บ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น วิทยาสารทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2542; 2 (2): 46-57.
8. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ. เอกสารชุดที่ 5 เด็ก เยาวชน และครอบครัว: อนาคตของชุมชน เอกสารประกอบการประชุมประจําปีว่าด้วยเรื่องชุมชน ครั้งที่ 1 “ชุมชนไทยท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง” วันที่ 30-31 พฤษภาคม 2543, สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย, กรุงเทพฯ, 2543.
9. วรรณี บันเทิง และคณะ, การวิจัยเรื่องการปฏิบัติด้านอนามัยแม่และเด็กของมารดาที่ประกอบ อาชีพในโรงงานอุตสาหกรรมเขตพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออก, คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย บูรพา, 2533.
10. กาญจนา คําดี. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับระยะเวลาในการเลี้ยงทารกด้วยนมมารดาของมารดาที่ทํางานนอกบ้าน, พยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาพยาบาลแม่และเด็ก บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2537.
11. ลัดดาวัลย์ เกษมเนตร และคณะ. รายงานการวิจัย ฉบับที่ 60 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีวินัย สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร, 2539.
12. Winter, GB. et al. The prevalence of dental caries in pre-school children aged 1 to 4 years. Brit. dent. J. 1971 ; 130(7): 271 -277.
13. ชุติมา ไตรรัตน์วรกุล และรพีพรรณ โชคสมบัติชัย, พฤติกรรมการเลี้ยงนมและของเหลวอื่นด้วย ขวดนมและปัจจัยที่สัมพันธ์กับอัตราตุ ถอน อุด ในเด็กก่อนวัยเรียนกลุ่มหนึ่ง, วิทยาสารทันตแพทยศาสตร์ 2541; 48 (5): 259-267.
14. ลัดดา เหมาะสุวรรณ และคณะ, การทบทวนสถานะสุขภาพของเด็กปฐมวัยไทย. สงขลา : คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2543.