ผลของโยเกิร์ตโพรไบโอติกแลคโตบาซิลลัส แรมโนซัส เอสดี 11 ต่อเชื้อจุลินทรีย์ ในช่องปากและการเกิดฟันผุในเด็กอายุ 12-15 ปี: การศึกษาแบบสุ่มชนิดมี กลุ่มควบคุมที่มีการปกปิดสองทาง

บทคัดย่อ

           การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินและเปรียบเทียบผลของโยเกิร์ตโพรไบโอติกแลคโตบาซิลลัส แรมโนซัส เอสดี 11 ต่อเชื้อมิวแทนส์ สเตร็ปโตคอคไค แลคโตบาซิลไล และสภาวะฟันผุในเด็ก ทำการศึกษาโดยวิธีการสุ่มเข้ากลุ่มแบบมีกลุ่มควบคุมและมีการปกปิดสองทาง อาสาสมัครอายุ 12-15 ปี จำนวน 102 คน ถูกสุ่มเข้ากลุ่มศึกษาที่ได้โยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกแลคโตบาซิลลัส แรมโนซัส เอสดี 11 หรือกลุ่มควบคุมที่ได้โยเกิร์ตปกติที่มีแลคโตบาซิลลัส    บัลการิคัส โดยทั้งสองกลุ่มได้โยเกิร์ตปริมาณ 100 มิลลิกรัม ทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน ทำการนับจำนวนเชื้อมิวแทนส์ สเตร็ปโตคอคไค และแลคโตบาซิลไลในน้ำลายที่เวลาเริ่มต้น (T0) 3 เดือน (T3) 6 เดือน (T6) และ 9 เดือน (T9) และตรวจการเกิดฟันผุที่เวลา 9 เดือน เทียบกับเวลาเริ่มต้น พบว่าที่เวลา 3 เดือน ในกลุ่มโพรไบโอติกมีปริมาณเชื้อ        มิวแทนส์ สเตร็ปโตคอคไค ต่ำกว่าก่อนการทดลองและต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) และพบเชื้อแลคโตบาซิลไลที่เวลา 3 เดือน สูงกว่าก่อนการทดลองและสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.01) อย่างไร ก็ตามที่เวลา 6 เดือนและ 9 เดือนระดับเชื้อทั้ง 2 ชนิดไม่แตกต่างระหว่าง 2 กลุ่ม การเปลี่ยนแปลงสภาวะฟันผุ (transitional probability) ระหว่าง 2 กลุ่ม พบว่าไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ไม่พบอาการข้างเคียงใด ๆ   ในทั้ง 2 กลุ่ม สรุปผลการศึกษานี้ พบว่าการได้รับแลคโตบาซิลลัส แรมโนซัส เอสดี 11 ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน มีความปลอดภัย พบการเพิ่มขึ้นของแลคโตบาซิลไล มีการลดลงของเชื้อก่อโรคฟันผุ มิวแทนส์ สเตร็ปโตคอคไคใน 3 เดือน แต่ไม่พบผลต่อการป้องกันการลุกลามของฟันผุ