การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีนในประเทศไทย

Main Article Content

วรวิทย์ สุขะวัชรินทร์
อารีวรรณ เอี่ยมสะอาด
สรายุทธ์ เศรษฐขจร
คมศร วงษ์รักษา

Abstract

บทคัดย่อ

               การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา แนวทางพัฒนาและความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการบริหารจัดการโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีนในประเทศไทย  2)พัฒนารูปแบบและตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีนในประเทศไทย และ 3) เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการนำรูปแบบไปใช้จริงในการบริหารจัดการโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีนในประเทศไทย ดำเนินการวิจัยแบบผสานวิธี  3 ขั้นตอน ตามวัตถุประสงค์  ประชากรเป็นโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีน 109 แห่ง กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วยกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการบริหารงานโรงเรียนเอกชนประกอบด้วยกลุ่มผู้รู้ กลุ่มผู้ปฏิบัติ และกลุ่มผู้เกี่ยวข้องทั่วไป จำนวน 95 คน กลุ่มผู้ร่วมปฏิบัติการพัฒนารูปแบบเป็นผู้แทนกลุ่มผู้ให้ข้อมูลทั้ง 3 กลุ่ม จำนวน 55 คน  กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการบริหารจัดการ จำนวน 400 คนและกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาความเป็นไปได้ของรูปแบบ  จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์  แบบสังเกต แบบสนทนากลุ่ม แบบปฏิบัติการ แบบสอบถาม และแบบสำรวจ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์แบบอุปนัย ใช้ฉันทามติและการสร้างข้อสรุป พร้อมกับตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป ใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีความต้องการจำเป็น  ความต่างของฐานนิยมและมัธยฐาน (Mo-Md) และพิสัยควอไทล์ (Q.D) เป็นสถิติในการวิเคราะห์ กำหนดเกณฑ์ความคิดเห็นที่เป็นฉันทามติของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการนำรูปแบบไปใช้ ที่ Mo-Md ไม่เกิน 1.00 และพิสัยควอไทล์ (Q.D)ไม่เกิน 1.5

               ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 

               1.  สภาพปัจจุบันโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีนในประเทศไทยเป็นโรงเรียนเอกชนในระบบ  เป็นนิติบุคคล เปิดสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 บริหารงานในรูปคณะกรรมการในสองเป้าหมายที่ก้ำกึ่งระหว่างการให้บริการทางการศึกษากับการสร้างความมั่นคงทางธุรกิจ อำนาจการตัดสินใจไม่เบ็ดเสร็จ  การพัฒนาจึงเป็นไปอย่างประนีประนอม  ปัญหาโรงเรียน คือ การลดลงของผู้เรียน เงินอุดหนุนไม่พอพัฒนา กฎระเบียบรัดตัว ขาดผู้นำการเปลี่ยนแปลง  สร้างความเป็นเลิศท่ามกลางข้อจำกัด งานบริหารทั่วไปขาดประสิทธิภาพ ครูขาดความภาคภูมิใจ การเงินไม่โปร่งใส และขาดกลไกพัฒนา แนวทางในการพัฒนา คือ การจัดการบริหารแนวใหม่ ใช้วิกฤตสร้างความเป็นเลิศความต้องการ คือ การนำองค์กรที่ดี ครูมีความมุ่งมั่น  การเงินโปร่งใสและมีกลไกเพิ่มประสิทธิภาพ

               2.  รูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีนในประเทศไทย เป็นรูปแบบที่พัฒนาจากปัญหาและความต้องการของโรงเรียน  ประกอบด้วยโครงสร้าง 3 ส่วน ส่วนความสำเร็จที่คาดหวังเป็นเป้าประสงค์ที่สมดุลทั้ง คุณภาพ  ประสิทธิภาพ  ประสิทธิผลและนวัตกรรมการพัฒนาโรงเรียน  รวม 15  ปัจจัยหลักความสำเร็จและ 15 ตัวชี้วัด  ส่วนภารกิจ กลยุทธ์ มาตรการและวิธีการ  เป็นส่วนวิธีการบริหารจัดการคัดสรรที่โรงเรียนต้องดำเนินการให้บรรลุตามความสำเร็จที่คาดหวัง  5 ภารกิจ 5 กลยุทธ์ ประกอบด้วยกลยุทธ์การนำองค์กรที่ดี  การเพิ่มประสิทธิภาพงานบริหารทั่วไป  การพัฒนาการเรียนรู้เพื่อความเป็นเลิศ  การพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา  การเพิ่มประสิทธิภาพ ความโปร่งใสและความมั่นคงทางการเงินของโรงเรียน  รวม  20 มาตรการ 73 วิธีการและส่วนกลไกการบริหารจัดการ ประกอบด้วยกลไกผู้รับผิดชอบ กลไกการจัดระบบงานและคู่มือการปฏิบัติงาน กลไกการกำกับและประเมินผล และและกลไกการจัดการความเสี่ยงเป็นกลไกขับเคลื่อนการบริหารจัดการ 

               3.  รูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีนในประเทศไทยที่พัฒนาขึ้น ทุกองค์ประกอบตามโครงสร้างรูปแบบได้รับการยอมรับจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่ามีความเป็นไปได้ในระดับมากในการนำไปใช้ในการบริหารจัดการได้จริงในโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีน

 

Abstract

               This research aimed: 1) to study the current situation, problem, improvement guidelines and management need of Private Teaching Chinese School in Thailand, 2) to develop the management model for Private Teaching Chinese School in Thailand  and 3) to evaluate the model possibility of implementation of the management model for Private Teaching Chinese School in Thailand.  Mixed- methods  were adopted with three steps of procedures in accordance with the research objectives. The population included the Private Teaching Chinese Schools’ stakeholders. The informants consisted of groups of experts as key informants, groups of school personnel as casual informants and group of parents and others as general informants and  ninety-five were selected  for data collecting, fifty-five were selected to be the workshop members and 400 were the sample. Ten of interview guides, observation forms, focus group guidelines,  workshop work sheet and questionnaire were used as the research tools. Data were analyzed through inductive analysis method, searching for unanimity and summarization. Quantitative data were  statistically amazed through mean, standard deviation, need index, Mo-Md and Q.D 

               The results were as follows:

               1.  Private Teaching Chinese Schools in Thailand were formal school and legal organization with management in compliance with Basic Education Core Curriculum of Thailand B.E 2551. The school management conducted by school committee with two alternative targets: quality education services and rich enterprise. The administrative power was not absolute  resulting in compromising development. Their main administrative problems included student decreasing, insufficient budgeting, rare dexterity due to regulation complexity and  lack  of transformation of leader, constructing school excellence amongst limited surrounding, inefficient general management, poor teachers’ pride, transparency of fiscal and lack of management mechanism.  Their improvement guidelines incorporated neo-management- making an excellence of crisis.  The needs included good leadership, endeavored teachers, transparent finance, and  mechanism of effectiveness increase.

               2.  The management model for Private Teaching Chinese School was developed from schools’ problems and needs. These factors referred to expected success with balance among quality, effectiveness, efficiency and school innovation increase, including fifteen CSFS  of school development with fifteen KPIS.  Five missions and strategies  were considered as selective methods contributing to reach the fivefold goals i.e. good leadership, increase of management effectiveness, development of whole school quality,  development of competence and teaching profession, and increase of financial effectiveness, transparency and stability in total twenty measures with seventy-three activities. The staff on duty should be appointed as well as operational manual, monitoring and evaluation, and risk management as development drive mechanism.

               3.  The developed management model for Private Teaching Chinese School in all   model component was recognized for its possibility at high level of authentically implementation at educational institutions.

Article Details

Section
บทความ : มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ