การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง หลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา ด้วยวิธีสอนแบบสตอรี่ไลน์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

Main Article Content

อุมาพร ปิ่นเนตร

Abstract

บทคัดย่อ

               การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง หลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนาด้วยวิธีสอนแบบสตอรี่ไลน์  สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental  Research ) มีแบบแผนการวิจัยแบบจำลองการทดลอง (Pre – Experimental  Design ) แบบหนึ่งกลุ่มสอบก่อนเรียนและสอบหลังเรียน ( The  One- GroupPretest – Posttest  Design ) มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง หลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนาด้วยวิธีสอนสตอรี่ไลน์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (2) ศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหา ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3  (3) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อวิธีสอนแบบสตอรี่ไลน์ เรื่อง หลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา

               กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้  เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  ห้อง 7  โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย  ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555  จำนวน 1 ห้องเรียน  จำนวนนักเรียนทั้งหมด  53 คน ซึ่งได้จากวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple  Random   Sampling ) ทดลองใช้ในภาคเรียนที่ 1  ปีการศึกษา 2555 ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลองสัปดาห์ละ 2 คาบ คาบละ 40  นาที  รวมเป็นเวลา  4 ชั่วโมง 40 นาที

               เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย (1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีสอนแบบสตอรี่ไลน์ เรื่องหลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา  ( 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน  (3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหา (4) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีสอนแบบสตอรี่ไลน์

               สถิติที่ใช้ในการวิจัย  ได้แก่ ค่าร้อยละ (%)  ค่าเฉลี่ย (X) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติค่าที แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน  ( t-test  Dependent ) และการวิเคราะห์เนื้อหา(Content  Analysis )

               ผลการวิจัยว่า

               1.   ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง หลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา  ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยวิธีสอนแบบสตอรี่ไลน์  พบว่า  ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน ( X= 20.55 , S.D.= 2.98 )  สูงกว่าก่อนเรียน (X = 9.58 , S.D.= 3.03)  อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

               2.   ผลการศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยวิธีสอนแบบสตอรี่ไลน์  พบว่าโดยภาพรวมอยู่ในระดับดี  มีค่าร้อยละ 80.85

               3.   ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีสอนแบบสตอรี่ไลน์ เรื่อง หลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา  พบว่า โดยภาพรวมเห็นด้วยในระดับมาก  โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย   ด้านประโยชน์ที่  ด้านกิจกรรมการเรียนรู้   ด้านบรรยากาศการเรียนรู้   ตามลำดับ

 

Abstract

            The  Development of  the Learning  Achievement  and  Problem  Solving  Of  Buddhist  Doctrines  by Storyline  Method  Of  Mathayomsuksa Three Student.

               The  experimental  research   applying  pre-experimental  Design   with  the  one-group  pretest – posttest   design  aimed to (1) compare  to  the pretest – posttest  of  the study learning  achievement  on Buddhist   Doctrines  by  the  Storyline  Method  for over efficiency. (2) study  the ability  in problem solving  thinking  of  Mathayomsuksa 3  students  by  the Storyline  Method  and (3)  study  the opinion of   Mathayomsuksa  3 students  the Storyline  Method.

               The  sample  consisted  of 53  students  from  Mathayomsuksa   class 37 in the first  semester, academic  year 2012 in the school  of   Bangkok  Christian  College.  They were selected  through  the simple  random  sampling  approach. The  experiment  was carried  over a five –week  period.  There were two 40 minute  sessions     per  week, totalling  4 hours  and 40  minutes.

               The  instruments  used  for this  research  included (1) lesson  plans of learning  activities by the Storyline  Method  on Buddhist  Doctrinces (2) an  achievement  test (3) a problem- solving  ability  test And (4) a questionnaire asking  the students’ opinion   of the Storyline  Method.

               Statistical  analysis  was  accomplished  by percentage ( % ) , mean (X) , standard  deviation ( S.D.) , t-test  dependent  and  content  analysis.

               The  findings  were  as follows  :

               1.   Comparing the achievement before and after learning about Buddhist  Doctrines for Mathayomsuksa  3 students  taught  by the Storyline  Method , the achievement  after  learning  (X = 20.55 , S.D.= 2.98) was higher  than  before learning  (X = 9.58 , S.D.= 3.03)  at  0.05 level of significance.

               2.   The  ability  in problem solving of  the Mathayomsuksa 3  students  using  the Storyline  Method  was at a good   level. ( 80.85 percent )  

               3.   The  opinion  of  the Mathayomsuksa 3 students towards  the Storyline  Method  in  Buddhist  Doctrines  was at a high  level  by  much  to less ordering  that  agreement   with  learning   usefulness   ranked  first   followed  by  learning  activities  and  the  learning  environment   ranked  third.

Article Details

Section
บทความ : มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ