การประดิษฐ์อุปกรณ์ป้องกันรังสีจากยางธรรมชาติผสมบิสมัทปริมาณสูงสำหรับงานรังสีวินิจฉัย

ผู้แต่ง

  • เสาวภาคย์ ภูศิริ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • แสงเชาว์ ทองสีนุช ภาควิชาเทคโนโลยีและวัสดุ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • สุมาดี สายโสม ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • นิจวรีย์ จันทร์มณี ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

คำสำคัญ:

การลดทอนปริมาณรังสี, บิสมัท, ยางธรรมชาติ

บทคัดย่อ

ปัจจุบันมีการนำรังสีเอกซ์มาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ทั้งด้านการวินิจฉัยและการรักษา แต่อย่างไรก็ตามรังสีเอกซ์อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย เช่น คลื่นไส้ อาเจียนและการเพิ่มอัตราเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง เป็นต้น ในการทำงานที่เกี่ยวข้องด้านรังสีจึงต้องมีการใช้อุปกรณ์ป้องกันรังสีอย่างเหมาะสมซึ่งโดยทั่วไปนิยมใช้ตะกั่วหรืออุปกรณ์ที่มีตะกั่วเป็นองค์ประกอบเพราะมีประสิทธิภาพในการลดทอนปริมาณรังสี ถึงอย่างไรก็ตามตะกั่วจัดเป็นสารที่อันตรายเนื่องจากในกระบวนการผลิตอาจจะปล่อยของเสียที่เป็นอันตรายแก่สิ่งแวดล้อมและนำไปสู่การเกิดปัญหาสุขภาพได้ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประดิษฐ์แผ่นป้องกันรังสีที่มีส่วนผสมของยางธรรมชาติและบิสมัทปริมาณสูงทดแทนการใช้ตะกั่วเป็นส่วนผสม และเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการลดทอนรังสีของแผ่นป้องกันรังสีที่มีส่วนผสมของยางแท่งและบิสมัทปริมาณต่าง ๆ กับอุปกรณ์ป้องกันรังสีที่มีสมมูลตะกั่ว 0.5 มิลลิเมตร โดยทำการทดลองตัวอย่างแผ่นยางทีเตรียมจากสูตรยางธรรมชาติผสมบิสมัททั้งหมด 6 สูตร คือ 0, 100, 200, 300, 400 และ 500 phr (หน่วยการผสมยางโดยคิดสัดส่วนปริมาณสารต่าง ๆ เมื่อเทียบกับยาง 100 ส่วน โดยน้ำหนัก) โดยที่ตัวอย่างแผ่นยางมีความหนาตั้งแต่ 1 ถึง 5 มิลลิเมตร ทำการทดสอบประสิทธิภาพในการลดทอนปริมาณรังสีโดยใช้ค่าเอกซโพเชอร์ที่ความต่างศักย์ในช่วง 50 ถึง 120 เควีพี และค่ากระแสหลอด-เวลา 20 เอ็มเอเอส จากผลการทดลองพบว่าร้อยละการลดทอนปริมาณรังสีมีค่าเพิ่มขึ้นตามปริมาณของบิสมัทที่เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับอุปกรณ์ป้องกันรังสีที่มีสมมูลตะกั่ว 0.5 มิลลิเมตร กับแผ่นป้องกันรังสีที่ประดิษฐ์ขึ้นพบว่าแผ่นยางสูตรที่ผสมตะกั่ว 300 phr ที่มีความหนา 3 มิลลิเมตร มีค่าร้อยละการลดทอนปริมาณรังสีเท่ากับ 97.33 ที่ 100 เควีพี ซึ่งใกล้เคียงกับกับอุปกรณ์ป้องกันรังสีที่มีความหนาสมมูลตะกั่ว  0.5 มิลลิเมตร และเมื่อเพิ่มปริมาณบิสมัทเป็น 400 และ 500 phr ประสิทธิภาพการลดทอนปริมาณรังสีได้ดีกว่าอุปกรณ์เปรียบเทียบที่มีความหนา 3 มิลลิเมตร

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

Mettler FA. Medical effects and risks of exposure to ionising radiation. J Radiol Prot 2012; 32(1): 9-13.

Wagner LK, Eifel PJ, Geise RA. Potential Biological Effects Following High X-ray Dose Interventional Procedures. J Vasc Interv Radiol 1994; 5(1): 71-84.

ราชกิจจานุเบกษา. พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ.๒๕๕๙. [อินเตอร์เน็ต] [เข้าถึงเมื่อ ๑๒ ธ.ค. ๒๕๕๙] เข้าถึงได้จาก; http://www.oap.go.th/images/documents/about-us/regulations/nuclear-energy-act-2559.PDF.

Sudjai W. Inlight optically stimulated luminescence for occupational monitoring service in Thailand. Bull Dept Med Sci 2012; 54(2): 110-116.

Agyingi EO, Mobit PN, Sandison GA. Energy response of an aluminium oxide detector in kilovoltage and megavoltage photon beams: an EGSnrc Monte Carlo simulation study. Radiat Prot Dosimetry 2006; 118(1): 28-31.

McKeever SWS, Akselrod MS. Radiation dosimetry using pulsed optically stimulated luminescence of Al2O3:C. Radiat Prot Dosimetry 1999; 84(1-4): 317-320.

Bauhs JA, Vrieze TJ, Primak AN, Bruesewitz MR, McCollough CH. CT dosimetry: comparison of measurement techniques and devices. Radiographics 2008; 28(1): 245-253.

Landauer Inc. Dosimeters: InLight® Systems Dosimeters. [Internet]. 2005. [cited 2017 May 20]. Available from: https://www.nagase-landauer.co.jp/english/inlight/pdf/Dosimeters/inlightdosimeters.pdf

ยุทธนา บางม่วง, วราภรณ์ สุดใจ. การสำรวจปริมาณรังสีพื้นหลังของประเทศโดยใช้แผ่นวัดรังสีชนิดโอเอสแอล. วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. ๒๕๕๖;๕๕:๓๑-๓๘.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-12-25

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ภูศิริ เ, ทองสีนุช แ, สายโสม ส, จันทร์มณี น. การประดิษฐ์อุปกรณ์ป้องกันรังสีจากยางธรรมชาติผสมบิสมัทปริมาณสูงสำหรับงานรังสีวินิจฉัย. Thai J Rad Tech [อินเทอร์เน็ต]. 25 ธันวาคม 2019 [อ้างถึง 28 ธันวาคม 2025];44(1):8-14. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjrt/article/view/246753

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ