ความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อของบุคลากร ของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา

ผู้แต่ง

  • จันทกานต์ วลัยเสถียร สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา
  • เมยุรี ประสงค์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา
  • มาลัย นาคประกอบ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา

คำสำคัญ:

ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, การป้องกันควบคุมโรค, โรคไม่ติดต่อ

บทคัดย่อ

จากผลการตรวจสุขภาพของบุคลากรของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559–2561 พบว่า มีแนวโน้มของความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน จึงมีความจำเป็นต้องทำการสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพของบุคลากรสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพโรคไม่ติดต่อ และพฤติกรรมสุขภาพ 3อ.2ส. (อาหาร อารมณ์ ออกกำลังกาย สูบบุหรี่ และสุรา)

วิธีการวิจัย รูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจ  กลุ่มตัวอย่าง เป็นบุคลากรทั้งหมด จำนวน 249 คน ดำเนินการศึกษาระหว่างเดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2562–สิงหาคม พ.ศ.2563 แบบสอบถาม  มี 3 ส่วน ประกอบด้วย ข้อมูลทั่วไป ความรอบรู้ด้านสุขภาพ 6 องค์ประกอบ ได้แก่ ความรู้ความเข้าใจ การเข้าถึงข้อมูลบริการสุขภาพ การสื่อสารสุขภาพ การรู้เท่าทันสื่อ การจัดการตนเอง และการตัดสินใจ และพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ด้วยค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัย บุคลากรส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 59 อายุเฉลี่ย 45 ปี (SD=11.05) น้ำหนักเฉลี่ย 65.6 กิโลกรัม (SD=12.3) ค่า BMI อยู่ในระดับปกติ (ระหว่าง 18.5-22.9) ร้อยละ 40.2 อ้วนระดับ 1 (ระหว่าง 23.0-24.9) ร้อยละ 33.3 และ อ้วนระดับ 2 (ระหว่าง 25.0-29.9) ร้อยละ 24.5 ระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับดี ร้อยละ 39.0 ( =74.1,SD=13.09) เมื่อพิจารณาด้านความรู้ความเข้าใจทางสุขภาพ อยู่ในระดับดีมาก ร้อยละ 74.7 ( =10.9,SD=2.14) แต่ด้านการสื่อสารเพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญทางสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. อยู่ในระดับไม่ดี ร้อยละ 42.2 ( =11.47,SD=3.41) และพฤติกรรมสุขภาพ ตามหลัก 3อ.2ส. พบว่า มีพฤติกรรมเหมาะสมปานกลาง ร้อยละ 50.9  โดยพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ การออกกำลังกาย 30 นาทีต่อวัน ร้อยละ 34 การรับประทานอาหาร รสหวาน เค็ม มัน  ร้อยละ 49 การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ตั้งแต่ 2 แก้วขึ้นไปต่อวัน ร้อยละ 43.0

สรุปข้อเสนอแนะ ความรอบรู้ของบุคลากรอยู่ในระดับดี แต่พฤติกรรมสุขภาพเพียงเหมาะสมปานกลาง และมีภาวะอ้วน ร้อยละ 58 ดังนั้น ควรมีการนำข้อมูลสถานการณ์ความรอบรู้ด้านสุขภาพของบุคลากรไปวางแผนการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ และขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม บุคลากรควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ควบคุมการบริโภคอาหารแป้ง น้ำตาล ไขมัน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และในส่วนของหน่วยงาน ควรมีนโยบายการเสริมสร้างสุขภาพบุคลากรที่ชัดเจนและสื่อสารแนวทาง รณรงค์ให้บุคลากรทราบและปฏิบัติตาม ได้ถูกต้องเหมาะสมกับบริบทของตนเองหน่วยงานต่อไป

เอกสารอ้างอิง

1. กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค.2560 แผนยุทธศาสตร์การ
ป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ 5 ปี (พ.ศ. 2560 - 2564), 177.
2. สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ ผลการสำรวจความพร้อมขององค์กรต่อการ
เป็นองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพของบุคลากรสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัด
นครราชสีมา, 2562
3. คณะกรรมการอำนวยการจัดทำแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12 กระทรวงสาธารณสุข.
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564). 2559; 1.
4. World Health Organization. 2009. Health Literacy and Health Promotion. Definitions, Concepts
and Examples In the Eastern Mediterranean Region. Individual Empowerment Conference
Working Document. 7th Global Conference on Health Promotion Promoting Health and
Development. 26-30 October 2009. Nairobi, Kenya.)
5. อารีย์ แร่ทอง.2562 ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ 2ส ของอาสาสมัคร
สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กรณีศึกษาตำบลหินตก อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
วารสารวิชาการ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ: 15(3). 62-70.
6. ขวัญเมือง แก้วดำเกิง. ความรอบรู้ด้านสุขภาพ เข้าถึง เข้าใจ และการนำไปใช้. พิมพ์ครั้งที่ 2
กรุงเทพฯ: อมรินทร์, 2561
7. กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. การเสริมสร้างและประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและ
พฤติกรรมสุขภาพ กลุ่มเด็กและเยาวชน (อายุ 7-14 ปี) กลุ่มประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ฉบับ
ปรับปรุง ปี 2561. 2561.
8. ชาตรี แมตสี่ และศิวิไลซ์ วนรัตน์วิจิตร. การสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ: จากแนวคิดสู่การ
ปฏิบัติ. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ ; 9 (2) : 2560
9. Hambleton, R.K.Principles and Selected Applicationsn of Item Response Theory.
Educational Measurement.(3th).R.L. Linn(ed). New York : John Wiley & Sons.1989.
9. ดร.กันยารัตน์ กุยสุวรรณ. แนวคิด หลักการ องค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพ Health Literate
Organization. กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
10. พิทยา ไพบูลย์ศิริ. 2561 วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย: 8(1) : หน้า 96 – 107
11. กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. 2560 รายงานผลการดาเนินงานเสริมสร้างความรอบรู้
ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนกลุ่มเป้าหมายการดำเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ.2560
12. นางวิมล โรมา กรมอนามัย. 2562 ความรอบรู้ด้านสุขภาพเป็นมิติที่สำคัญของสุขภาพในปี 2020
วันที่เข้าถึง 17 มกราคม 2563 เข้าถึงได้จาก:
http://foodsan.anamai.moph.go.th/download/D_HLO/Health%20Literacy%20&%20Health%20Co mmunication.pdf
13. คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม สภาขับเคลื่อนการ ปฏิรูป ประเทศ. การปฏิรูปความรอบรู้และการสื่อสารสุขภาพ (ร่างแนวทางการขับเคลื่อนความ รอบรู้ด้าน สุขภาพ และการสื่อสารด้านสุขภาพ). พฤศจิกายน 2559.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-01-25

รูปแบบการอ้างอิง

วลัยเสถียร จ., ประสงค์ เ. . ., & นาคประกอบ ม. . . (2021). ความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อของบุคลากร ของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา . วารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา, 27(1), 46–55. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ODPC9/article/view/245235

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ