ประสิทธิผลของการพัฒนาศักยภาพด่านครอบครัว เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ทางถนน อำเภอลำทะเมนชัย จังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
ประสิทธิผล ประสิทธิผลของด่านครอบครัว การป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (participatory action research: PAR) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการพัฒนาศักยภาพด่านครอบครัว เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน อำเภอลำทะเมนชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) พัฒนาศักยภาพด่านครอบครัว ในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน 2) ประเมินประสิทธิผลศักยภาพด่านครอบครัว ในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน กลุ่มตัวอย่างคือ ตัวแทนหน่วยงานภาคราชการ 21 คน และ ประชาชนจากครัวเรือนในพื้นที่ 4 ตำบล ของอำเภอลำทะเมนชัย จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 115 คน ทำการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยทำการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (cluster random sampling) เครื่องมือในการวิจัยได้แก่ แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง และแบบสอบถาม ทำการศึกษาโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (in-depth Interview) การสนทนากลุ่ม (focus group discussion) และการจัดโครงการอบรม ทำการศึกษาระหว่างเดือน มกราคม – ธันวาคม พ.ศ. 2564
ผลการศึกษาพบว่า การพัฒนาศักยภาพด่านครอบครัว ในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1) การสร้างความรู้ (Appreciation: A) 2) การสร้างแนวทางการพัฒนา (Influence: I) 3) การสร้างแนวทางปฏิบัติ (Control : C) ประสิทธิผลศักยภาพด่านครอบครัว ในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน พบว่า หลังการเข้าโครงการอบรม กลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน สูงกว่าก่อนเข้าร่วมการอบรม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
References
ไชยภูมิ สิทธิวัง. (2555). การจัดทำแผนงานชุมชนแบบมีส่วนร่วม (PAR) โดยการประยุกต์ใช้เทคนิค A-I-C. สืบค้นเมื่อ 30 เมษายน 2565 จากวิกิพิเดีย https://www.dmcr.go.th.
นิพนธ์ ศุขปรีดี. (2537) . ประมวลสาระชุดวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการฝึกอบรมหน่วยที่ 8-11. นนทบุรี:
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
เมธิกา ไกรนที วันชัย ธรรมสัจการ และอุทิศ สังขรัตน์. (2020). ครอบครัว: สถาบันหลักทางสังคมกับบทบาทการพัฒนามนุษย์แบบองค์รวม. วารสารปาริชาต มหาวิทยาลัยทักษิณ, 33(1), 1 – 16.
วิไลวรรณ บัวชุม. (2559). ประสิทธิผลการจัดการความปลอดภัยทางถนนตามยุทธศาสตร์ 5E เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนของสำนักงานขนส่งจังหวัดเพชรบุรี. (ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์).
ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน. (2563). การเปรียบเทียบทางสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย. สืบค้นเมื่อ 30 เมษายน 2565 จากวิกิพิเดีย https://www.thairsc.com.
สมบูรณ์ จิตต์พิมาย. (2564). ผลการจัดการด่านชุมชนเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, 7(1), 237 – 255.
สินธุ์ สโรบล. (2552). วิธีวิทยาวิจัยเพื่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาชุมชน: บทสังเคราะห์งานวิจัยเพื่อท้องถิ่นในประเทศไทยและประสบการณ์จากต่างประเทศ. เชียงใหม่: วนิดาการพิมพ์.
สิริทรัพย์ สีหะวงษ์ และ สุพัตรา ดีดวงพันธ์. (2560). ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเลี้ยงดูกับพฤติกรรมเสี่ยงในวัยรุ่น. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 19(3), 165 – 172.
สำนักงานสาธารณสุขอำเภอลำทะเมนชัย. (2563). รายงานอุบัติเหตุ 2562 – 2563. สำนักงานสาธารณสุขอำเภอลำทะเมนชัย จังหวัดนครราชสีมา.
สุพิมล ขอผล และคณะ. (2557). การใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการดื่มสุราในชุมชนหมู่บเนหนองเต่าคำใหม่ ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่. วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต, 2(3), 313 – 324.
อุทัยทิพย์ เจี่ยวิวรรธน์กุล. (2553). การวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม: แนวคิด หลักการ และบทเรียน. กรุงเทพฯ.
พี.เอ.ลิฟวิ่ง.จำกัด.
Cohen J. (1977). Statistical power for the behavioral sciences. 2nd ed. New York: Academic Press.
Cronbach, L. J. (1951). Coefficient alpha and the internal structure of tests. Psychometrika, 16(3), 297-334.
Kemmis, S and Ma Taggart, R. (Eds.). (1988). The Action Research Planner. 3rd ed. Geelong, Australia:
Deakin University Press.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี และคณาจารย์ท่านอื่นๆในวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว