ศึกษาผลของโปรแกรมการตั้งเป้าหมายร่วมกันเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่มียาฉีดอินซูลินและควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ โรงพยาบาลบ้านนาอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก
คำสำคัญ:
การตั้งเป้าหมายร่วมกัน, โรคเบาหวานชนิดที่ 2, ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบทคัดย่อ
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย โรงพยาบาลบ้านนา พบว่าผู้ป่วยเบาหวานที่มีระดับ HbA1c ≥ 10 และไม่ได้ใช้ยาฉีดอินซูลินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและคุณภาพชีวิตลดลง การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการตั้งเป้าหมายร่วมกันต่อความรู้ เจตคติ พฤติกรรมการดูแลตนเอง และระดับ HbA1c ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่ใช้ยาฉีดอินซูลินและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีระดับ HbA1c ≥ 10 และไม่ได้ใช้ยาฉีดอินซูลิน จำนวน 30 ราย คัดเลือกโดยการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป 9 ข้อ แบบวัดความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน 15 ข้อ แบบวัดเจตคติในการดูแลตนเอง 12 ข้อ และแบบวัดพฤติกรรมการดูแลตนเอง 12 ข้อ เครื่องมือทั้งหมดได้รับการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญ และมีค่าความเชื่อมั่นโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.75 กลุ่มตัวอย่างได้รับโปรแกรมการตั้งเป้าหมายร่วมกันทั้งหมด 6 ครั้ง ภายในระยะเวลา 12 สัปดาห์ ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมให้ความรู้ แนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการเลือกเป้าหมายด้วยตนเองผ่านกลุ่มไลน์หรือการติดต่อทางโทรศัพท์โดยตรง พร้อมบันทึกเป้าหมายลงในสมุดการตั้งเป้าหมายร่วมกันทุก 2 สัปดาห์ และมีการติดตามผลค่า HbA1c ภายหลังสิ้นสุดโปรแกรม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาและการทดสอบ Paired t-test
ผลการวิจัยพบว่า หลังการได้รับโปรแกรม กลุ่มตัวอย่างมีเจตคติในการดูแลตนเอง (M=2.84 SD=0.16) และพฤติกรรมการดูแลตนเอง (M=2.45, SD=0.38) สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับก่อนเข้าร่วมโปรแกรม เจตคติ (M=2.49 SD=0.30) และพฤติกรรม (M=2.14 SD=0.42) โดยมีค่านัยสำคัญทางสถิติที่ p<0.01 อย่างไรก็ตามระดับความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p>.05 ส่วนค่า HbA1c หลังเข้าร่วมโปรแกรม (M=8.40 SD=1.44) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับก่อนเข้าร่วมโปรแกรม (M=9.96 SD=1.66) โดยมีค่านัยสำคัญทางสถิติที่ p<.05
สรุปและข้อเสนอแนะ โปรแกรมการตั้งเป้าหมายร่วมกันมีประสิทธิผลในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ จึงควรนำโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้อย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค. (2567). โรคเบาหวาน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดความเสี่ยง ควบคุมได้.
กรมควบคุมโรค. https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=47609&deptcode=brc
กรมควบคุมโรค. (2566). สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรีรายงานประจำปี 2566
[Annual Report 2023]. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี. https://ddc.moph.go.th/odpc4/forecast_detail.php?publish=15401&deptcode=odpc4
กองโรคไม่ติดต่อ, & สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค. (2566). ข่าวประชาสัมพันธ์. https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=38403&deptcode=brc&news_views
กฤตกร หมั่นสระเกษ, สุภาพร คำเมือง, & ณัฐธยาน์ ศรีสวัสดิ์. (2562). ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ใช้อินซูลิน. วารสารพยาบาลทหารบก, 20(2), 145–153.
ชูศรี เมฆหมอก, จันทร์ฉาย ตระกูลดี, & สายฝน ม่วงคุ้ม. (2012). ผลการพยาบาลแบบตั้งเป้าหมายร่วมกันต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานที่มารับบริการโรงพยาบาลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี. วารสารสภาการพยาบาล, 15(3), 78.
นริสา วงศ์พนารักษ์. (2556). การสื่อสารในการพยาบาลกับการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพ. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 33(1), 80–91.
นริสา วงศ์พนารักษ์. (2556). การรับรู้ร่วมกันระหว่างพยาบาลและผู้รับบริการที่มีผลต่อการบรรลุเป้าหมายทางสุขภาพ. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 33(1), 24–36.
นิชาภา เหมือนภาค, ธิดารัตน์ มั่นเจริญ และศิรินารถ ศรีเอี่ยม. (2566). ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพตนเองกับพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวาน. วารสารสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์, 55(1), 25–34.
นิชาภา เหมือนภาค, พรทิพา กาญจนรัตน์ และพนิดา วงศ์ปราณีรัตน์. (2566). ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเอง. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล, 39(1), 55–67.
ปิยนุช ภิญโญ, อัจฉรา ละอองทอง และชุติมา ชาญวิเศษ. (2564). การพัฒนาแนวทางสนับสนุนการจัดการตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในชุมชนกึ่งเมืองกึ่งชนบท. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 31(3), 12–24.
ปิยนุช ภิญโญ, ณัฐริกา พึ่งเกษม และอภิญญา วิจิตร. (2564). การพัฒนาแนวทางสนับสนุนการจัดการตนเองสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในชุมชนกึ่งเมืองกึ่งชนบท. วารสารพยาบาลทหารบก, 22(3), 267–276.
ศิริพร จิรวัฒน์กุล. (2552). ผลการพยาบาลแบบตั้งเป้าหมายร่วมกันต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวาน. วารสารพยาบาลทหารบก, 10(3), 21–30.
ศูนย์เบาหวาน ศิริราช. (2560). แบบประเมินโครงการค่ายเบาหวานสำหรับผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ประจำปี 2559–2560. https://www.si.mahidol.ac.th/th/division/diabetes/admin/download_files/2_44_1.pdf
สุกัญญา วัฒนะโชติ. (2553). การศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 7(1), 23–34.
สุกัญญา วัฒนะโชติ. (2565). ความรู้ เจตคติ และการปฏิบัติตัวในการควบคุมโรคของผู้ป่วยเบาหวานโรงพยาบาลบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 7(2), 2–7.
สุกฤตา ตะการีย์, ชวนพิศ อรุณรัตน์ และกัญญารัตน์ ชูวิเชียร. (2562). ผลของโปรแกรมการตั้งเป้าหมายร่วมกันต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารพยาบาลศาสตร์, 37(2), 58–70.
สุกฤตา ตะการีย์, วรารัตน์ ชื่นตา และศิรินาถ ภัทรพิบูลย์. (2562). ผลของการตั้งเป้าหมายร่วมกันต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารมหาวิทยาลัยนเรศวร: วิทยาศาสตร์สุขภาพ, 11(1), 47–55.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครนายก. (2566). รายงานผลการดำเนินงาน: ร้อยละผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี. Health Data Center. https://nayok.moph.go.th/web/
สิริพิมพ์ ชูปาน, ทวีลักษณ์ วรรณฤทธิ์ และจินดารัตน์ ชัยอาจ. (2555). ผลของการพยาบาลตามทฤษฎีความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายต่อพฤติกรรมควบคุมน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่].
โรงพยาบาลบ้านนา. (2567). Health Data Center รายงานข้อมูลผู้ป่วยเบาหวาน พ.ศ. 2567.
American Diabetes Association. (2023). Standards of care in diabetes—2023. Diabetes Care, 46(Suppl. 1), S1–S291. https://doi.org/10.2337/dc23-Sint
Best, J. W. (1977). Research in education (3rd ed.). Prentice-Hall.
Bloom, B. S. (1979). Taxonomy of educational objectives: The classification of educational goals. Longman.
Bodenheimer, T., & Handley, M. A. (2009). Goal-setting for behavior change in primary care: An exploration and status report. Patient Education and Counseling, 76(2), 174–180. https://doi.org/10.1016/j.pec.2009.06.001
King, I. M. (1981). A theory for nursing: Systems, concepts, process. Wiley.
King, I. M. (2007). King's conceptual system, theory of goal attainment, and transaction process in the 21st century. Nursing Science Quarterly, 20(2), 109–111. https://doi.org/10.1177/0894318407299846
Lorig, K. R., & Holman, H. (2003). Self-management education: History, definition, outcomes, and mechanisms. Annals of Behavioral Medicine, 26(1), 1–7. https://doi.org/10.1207/S15324796ABM2601_01
Nunnally, J. C., & Bernstein, I. H. (1994). Psychometric theory (3rd ed.). McGraw-Hill.
Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of criterion-referenced test item validity. Instructional Science, 6(2), 231–245. https://doi.org/10.1007/BF00116891
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี และคณาจารย์ท่านอื่นๆในวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว