ผลของโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการควบคุมโรคเบาหวานของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้
คำสำคัญ:
โปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตน, พฤติกรรมการควบคุมโรคเบาหวาน เบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้บทคัดย่อ
วิจัยแบบกึ่งทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรม การควบคุมโรคเบาหวานของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ กลุ่มตัวอย่างเข้ารับการรักษาที่คลินิกโรคเบาหวาน แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลตติยภูมิแห่งหนึ่งในจังหวัด สุพรรณบุรี จำนวน 54 คน คัดเลือกตามเกณฑ์ การคัดเข้า โปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนประยุกต์ใช้ทฤษฎีสมรรถนะแห่งตน (Self - efficacy Theory) (Bandura, 1997) กลุ่มทดลองได้รับการพยาบาลตามปกติร่วมกับการให้ความรู้ การทำกิจกรรม และโทรศัพท์ติดตาม ส่วนในกลุ่มควบคุมได้รับการบริการตามปกติ เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนา ไคสแควร์ และสถิติ ทดสอบที
ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 35 – 65 ปี ร้อยละ 66.67 สถานภาพสมรส ศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาขึ้นไป มีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 5,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลาที่เป็นเบาหวานมากกว่า 5 ปี มีระดับน้ำตาลสะสมในเลือด อยู่ระหว่าง 7-8.50 % รับประทานยาเม็ด ส่วนใหญ่มีการออกกำลังกาย และมีภาวะอ้วน ระดับ 1 ดัชนีมวลกาย 25 - 29.9 กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการควบคุมโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนได้รับโปรแกรมฯ และเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) และกลุ่มทดลองมีระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมต่ำกว่ากลุ่มควบคุมหลังเข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (9.48 ±1.85 vs. 6.70 ±0.59; p <0.001) การศึกษาในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า สามารถนำโปรแกรมส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับโรคได้ด้วยตัวเองอย่างถูกต้อง และมีระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดลดลง
เอกสารอ้างอิง
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข. (2565). สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2564 Public Health Statistics A.D. 2021. กระทรวงสาธารณสุข. https://spd.moph.go.th/wp- content/uploads/2022/11/Hstatistic64.pdf
ขวัญเรือน ก๋าวิตู และชนิดา มัททวางกูร. (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานที่อาศัยอยู่ในชุมชนรอบมหาวิทยาลัยสยาม. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม, 20, 82–95.
ชัชลิต รัตรสาร. (2560). สถานการณ์ปัจจุบันและความร่วมมือเพื่อปฏิรูปการดูแลรักษาโรคเบาหวานในประเทศไทย. https://www.novonordisk.com/content
ชลลดา ติยะวิสุทธิ์, ศรีพรพิมล ชัยสา, อัศนี วันชัย และชลธิมา ปิ่นสกุล. (2561). การออกกําลังกายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในประเทศไทย: การวิเคราะห์งานวิจัยอย่างเป็นระบบ. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุขและการศึกษา, 19(2), 39–48.
ณิชารีย์ ใจคำวัง. (2558). พฤติกรรมเสี่ยงของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงในเขตพื้นที่รับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านปากคะยาง อำเภอ ศรีสัชนาลัย จังหวัด สุโขทัย. วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต, 3(2), 173–184.
ดวงใจ พันธ์อารีวัฒนา. (2561). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการควบคุมค่าน้ำตาลสะสมในเลือดไม่ได้ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในโรงพยาบาลบางแพ จังหวัดราชบุรี. วารสารแพทย์เขต 4–5, 37(4), 294–305.
ปัณณิกา ปราชญ์โกสินทร์. (2564). การออกกำลังกายในผู้ป่วยเท้าเบาหวาน. https://cimjournal.com/dia-conference/aerobic-strengthening-diabetic/
วิยะดา เพ็งจรูญ และขจี พงศธรวิบูลย์. (2566). ผลของโปรแกรมสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย. (2560). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2560 (ฉบับที่ 3). ปทุมธานี: ร่มเย็นมีเดีย.
สายฝน ม่วงคุ้ม, พรพรรณ ศรีโสภา, วัลภา คุณทรงเกียรติ, ปณิชา พลพินิจ, วิภา วิเสโส, ชุติมา ฉันทมิตรโอภาส และ ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์. (2563). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนของหลอดเลือดแดงขนาดเล็กในผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 28(2), 74–84.
สรินดา ศาตะมาน. (2561). ออกกำลังกายในเบาหวานอย่างไรให้ปลอดภัย. คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล. https://pt.mahidol.ac.th/ptcenter/knowledge-article/
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2557). สถิติสุขภาพ. http://statbbi.nso.go.th/staticreport/page/sector/th/05.aspx
อ้อมเดือน ชื่นวารี. (2565). วันเบาหวานโลก: ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำขณะออกกำลังกาย. https://www.gj.mahidol.ac.th/main/knowledge-2/blood-sugar-and-exercise/
ฤทธิรงค์ บูรพันธ์ & นิรมล เมืองโสม. (2556). ปัจจัยที่มีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 โรงพยาบาลสร้างคอม จังหวัดอุดรธานี. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 6(3), 102–109.
American Diabetes Association. (2014). Standards of Medical Care in Diabetes—2014. Diabetes Care, 37, S14–S80.
American Diabetes Association Professional Practice Committee. (2014). Prevention or delay of type 2 diabetes and associated comorbidities. In Standards of medical care in diabetes—2022. American Diabetes Association.
Aune, D., Norat, T., Leitzmann, M., Tonstad, S., & Vatten, L. J. (2015). Physical activity and the risk of type 2 diabetes: A systematic review and dose–response meta analysis. European Journal of Epidemiology, 30(7), 529–542.
Bandura, A. (1997). Self Efficacy: The Exercise of Control. New York, NY: W. H. Freeman and Company.
International Diabetes Federation. (2019). IDF Diabetes Atlas (9th ed.). Brussels, Belgium: International Diabetes Federation.
Umpierre, D., Ribeiro, P. A., Kramer, C. K., Leitão, C. B., Zucatti, A. T., Azevedo, M. J., Gross, J. L., Ribeiro, J. P., & Schaan, B. D. (2011). Physical activity advice only or structured exercise training and association with HbA1c levels in type 2 diabetes: A systematic review and meta analysis. JAMA, 305(17), 1790–1799.
World Health Organization. (2020). At a glance: WHO guidelines on physical activity and sedentary behavior. Retrieved January 1, 2023, from https://www.who.int/publications/i/item/9789240014886
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี และคณาจารย์ท่านอื่นๆในวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว