Development and Evaluation the Clinical Nursing Practice Guidelines for Pregnant Women with Preterm Labour at Samutsakhon Hospital
Keywords:
Development Nursing Practice Guidelines Pregnant Women Preterm LabourAbstract
The objectives of this research were to: 1. Develop Nursing Practice Guidelines (CNPGs) for pregnant women with preterm labor. 2. Study the nurse's ability for implementations and pinions after using the CNPGs. 3. Study the nursing outcomes after using the CNPGs. The sample consisted of 22 nurses by purposive sampling and 50 pregnant women with preterm labor by included criteria. The framework was applied by the Australian National Health and Medical Research Council. The development was divided into 3 phases: 1) The development of CNPGs. 2) Implementation. and 3) Evaluation after using the CNPGs. Data were collected using: The opinion questionnaire, observation, visual stress assessment, and record form. Data were analyzed by using descriptive statistics, Paired t-tests, Independent t-tests, and Chi-square tests.
The results were as follows: 1. The CNPGs for pregnant women with preterm labor at Samutsakhon Hospital consisted of 5 parts: 1) Before admission 2) The first 24 hours of nursing care 3) Post 24 hours of nursing care 4) Discharging 5) Continuous follow-up 2. The overall nurse's ability for implementations and the opinions after using the CNPGs were high level (M= 2.97 ± 0.10 and M= 2.96 ± 0.21 respectively) 3. The nursing outcomes after using the CNPGs: The mean score on the second-day stress was significantly lower than the first day in the operating CNPGs group (p-value< .001). The comparative outcome before and after using the CNPGs group were statistical differences (p-value< .05) as follows: 48-hour delivery rate, term delivery rate, gestational age, and birth weight. The findings of this study demonstrated that The clinical nursing practice guidelines for pregnant women with preterm labor are effective for implementation and good outcomes for mothers and infants.
References
กัลยา มณีโชติ และ นิจ์สากร นังคลา. (2560). การพัฒนารูปแบบการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช. วารสารกองการพยาบาล, 44 (2), 7-25
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข. (2565). สถิติสาธารณสุขพ.ศ. 2562. นนทบุรี: กองยุทธศาสตร์และแผนงาน.
จันทร์จีรา กลมมา. (2558). ผลของการสนับสนุนทางสังคมต่อความเครียดของสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด. (วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
จุฬารัตน์ ห้าวหาญ, พรจิต จันโทภาส, คีตรา มยูขโชติ, บุญคีบ ใสโสม, และ ฉวีวรรณ ศรีดาวเรือง. (2564). รูปแบบการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดตามกรอบมิติคุณภาพการบริการผู้คลอด. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์, 36(3), 503-511.
ชลทิชา รักษาธรรม. (2561). แนวปฏิบัติการดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกําหนดอย่างต่อเนื่อง. (วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยหัวเฉียว)
ฐิติกานต์ ณ ปั่น, รุ้งตวรรณ์ ช้อยจอหอ, เยาวลักษณ์ เสรีเสถียร, เอมพร รตินธร, และเอกชัย โควาวาสารัช. (2557). ปัจจจัยที่มีผลต่อการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดของหญิงตั้งครรภ์โรงพยาบาลอมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่. วารสารสาธารณสุขล้านนา, 10(2), 142-150.
ธรรมวรรณ์ บูรณสรรค์ และ สายใย ก้อนคำ. (2564). การพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องจากโรงพยาบาลถึงบ้าน สำหรับหญิงตั้งครรภ์เพื่อป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนด ในโรงพยาบาลหนองหาน จังหวัดอุดรธานี. วารสารการพยาบาล สุขภาพ และการศึกษา, 4(3), 50-56.
นวรัตน์ ไวชมภู และ อาภรณ์ คงช่วย. (2558). การพัฒนารูปแบบการวางแผนจำหน่ายหญิงตั้งครรภ์ที่เจ็บครรภ์คลอดก่อนกกำหนด. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 2(3), 114-128.
บุศรินทร์ เขียนแม้น, เยาวเรศ ก้านมะลิ, และ วรรณวิมล ทุมมี. (2565). การพัฒนารูปแบบการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ, 15(3), 286-300.
เบญจวรรณ ละหุการ. (2560). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้ร่วมกับการผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบก้าวหน้าต่อความเครียดในหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด. (วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์)
ปิยาณี นักบุญ. (2554). การพัฒนาแนวทางการวางแผนจําหน่ายหญิงเจ็บครรภ์คลอดก่อนกําหนดของงานห้องคลอด โรงพยาบาลนครพนม. (วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยขอนแก่น)
โรงพยาบาลสมุทรสาคร. (2565, 2 กันยายน). ระบบฐานข้อมูลเวชระเบียน. https:// smkh.moph.go.th/skh/.
รัศมี พิริยะสุทธิ์, สุนันทา สงกา, พณาวรรณ พาณิชย์. (2561). การพัฒนารูปแบบการดูแลอย่างสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด โรงพยาบาลกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี. วารสารวิชาการสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค, 4 (2), 376-388.
ละอองดาว ชุ่มธิ. (2554). ผลของการนวดกดจุดสะท้อนเท้าต่อการลดระดับความเครียดในมารดาวัยรุ่นหลังคลอด. (วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยขอนแก่น)
ศิริวรรณ์ แสงอินทร์. (2557). การพยาบาลมารดาที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกําหนด. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา, 22 (1), 27-38.
สุภาพร เลิศกวินอนันต์. (2557). การทบทวนอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับการจัดการความเครียดในสตรีที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด. (วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
สุรัชนา พงษ์ปรสุวรรณ์. (2557). การลดความเครียดโดยการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อสื่อสารกับครอบครัวของหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล. (วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตร มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยขอนแก่น)
สุรีพร กัฬหะสุต, พนิดา เชียงทอง, สุรัชนา พงษ์ปรสุวรรณ์, นุชมาศ แก้วกุลฑล, และ ศุจิรัตน์ ศรีทองเหลือง. (2565). ผลของโปรแกรมลดสิ่งก่อความเครียดร่วมกับการสนับสนุนทางสังคมต่อความเครียดและอายุครรภ์เมื่อคลอดของหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด ที่เข้ารับการรักษาในห้องคลอดโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9, 16(1), 59-74.
สายฝน ชวาลไพบูลย์. (2553). คลอดก่อนกำหนด. กรุงเทพมหานคร: พีเอ.ลิฟวิ่ง.
อนงค์ เอื้อวัฒนา. (2557). การพัฒนาระบบการพยาบาลมารดาที่คลอดทารกก่อนกำหนด. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 32(3), 127-136.
Alita, R, Setyowati, Rachmawati, I.N. (2020). Relaxation Therapy in Pregnant Women With Premature Contractions: Evidence-Based Nursing Practice. Advances in Health Sciences Research, 30(1), 406-412.
Kao, M.H, Hsu, P.F, Tien, S.F, Chen, C.P. (2019). Effects of Support Interventions in Women ospitalized With Preterm Labor. Clinical Nursing Research. 2019, 28(6):726-743.
Maloni, J. A. (2010). Antepartum bed rest for pregnancy complications: Efficacy and safety for preventing preterm birth. Biological Research for Nursing, 12(2), 106-124.
NHMRC, (1998). A guide to the development, Implement and evaluation of clinical practice guidelines. Available from: http://www .nhmrc.gov.au/publications/_ files/ cp30. pdf.
Polit, D.F, & Hungler, B.P. (1999). Nursing research: principles and methods. (6th ed.) Philadelphia: J.B. Lippincott; 1999.
Sciscione, A. C. (2010). Maternal activity restriction and theprevention of preterm birth. American Journal of Obstetrics and Gynecology, 202,
-5.
Simpson, K. R., & Creehan, P. A. (2008). Perinatal nursing. Philadelphia : Lippincott Williams
Staneva A, Bogossian F, Pritchard M, Wittkowski, A. (2015). The effects of maternal depression, anxiety, and perceived stress during pregnancy on preterm birth: A systematic review. Women and Birth, 28 (1), 179–193.
WHO. (2018, 2 March). Preterm birth [Internet]. http: who.int/newroom/factsheet/detail/preterm-birth.
Downloads
Published
Issue
Section
License
Copyright (c) 2023 Boromarajonani College of Nursing, Suphanburi

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี และคณาจารย์ท่านอื่นๆในวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว