ความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมสุขภาพดีวิถีใหม่ของประชาชนวัยทำงาน เขตสุขภาพที่ 4 ประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • หนึ่งฤทัย ศรีภิรมย์ นักศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต คณะสหเวชศาสตร์ วิทยาลัยนครราชสีมา
  • สาโรจน์ เพชรมณี คณะสหเวชศาสตร์ วิทยาลัยนครราชสีมา
  • ธณกร ปัญญาใสโสภณ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

คำสำคัญ:

ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, พฤติกรรมสุขภาพวิถีใหม่, วัยทำงาน, เขตสุขภาพที่4, การส่งเสริมสุขภาพของประชาชน

บทคัดย่อ

           ในยุคที่โลกเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ความรอบรู้ด้านสุขภาพจึงเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพดีวิถีใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนวัยทำงานซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศและมีบทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและระบบสุขภาพอย่างยั่งยืน การศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพดีวิถีใหม่ของประชาชนวัยทำงานในเขตสุขภาพที่ 4 ประเทศไทย เป็นการวิจัยแบบหาความสัมพันธ์ (Correlation Research) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมสุขภาพดีวิถีใหม่ ของประชาชนวัยทำงานเขตสุขภาพที่ 4 ประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยมีจำนวนทั้งสิ้น 450 คน คำนวณจากกรณีไม่ทราบจำนวนประชากร โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Random Sampling) ซึ่งพื้นที่ในการศึกษาคือ 5 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 4 ที่ได้จากการสุ่มแบบง่าย ได้แก่ จังหวัดนครนายก พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี สระบุรี และลพบุรี โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถามออนไลน์ผ่านระบบ Google Forms ซึ่งเก็บข้อมูลในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน พ.ศ. 2566 และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ รวมทั้งสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การทดสอบค่า t (T-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวน (F-test) การเปรียบเทียบรายคู่ด้วย LSD (Least Significant Difference) และการวิเคราะห์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson’s Correlation Coefficient)

           จากการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 64.40) อายุระหว่าง 30–44 ปี (ร้อยละ 51.60) นับถือศาสนาพุทธ (ร้อยละ 94.90) จบการศึกษาระดับปริญญาตรี (ร้อยละ 72.90) ประกอบอาชีพราชการหรือรัฐวิสาหกิจ (ร้อยละ 40.40) มีสถานภาพสมรส (ร้อยละ 75.30) ไม่มีโรคประจำตัว (ร้อยละ 87.60) โดยโรคประจำตัวที่พบมากที่สุดคือโรคความดันโลหิตสูง (ร้อยละ 32.10) และมีรายได้ครอบครัวมากกว่า 15,000 บาทต่อเดือน (ร้อยละ 63.10) ประชาชนวัยทำงานในเขตสุขภาพที่ 4 มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ 3อ 2ส ในระดับดี (ร้อยละ 85.8) ระดับปานกลาง (ร้อยละ 13.6) และระดับควรปรับปรุง (ร้อยละ 0.7) โดยด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพอยู่ในระดับดีมาก ขณะที่ด้านการสื่อสารเพิ่มความเชี่ยวชาญ การจัดการเงื่อนไขสุขภาพ การรู้เท่าทันสื่อ และการตัดสินใจเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับ 3อ 2ส อยู่ในระดับดี ทั้งนี้ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างพบว่า ปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ ศาสนา ระดับการศึกษา และรายได้มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพดีวิถีใหม่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p ≤ .05) นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพดีวิถีใหม่ทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ ความรู้ความเข้าใจ การเข้าถึงบริการ การสื่อสาร การจัดการปัญหา การรู้เท่าทันสื่อ และการตัดสินใจเกี่ยวกับ 3อ2ส มีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับปานกลางกับพฤติกรรมสุขภาพดีวิถีใหม่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05)

            ข้อค้นพบดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในประชาชนวัยทำงานสามารถสนับสนุนพฤติกรรมสุขภาพที่ดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำผลการวิจัยนี้ไปใช้ในการวางแผนส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจด้านสุขภาพควบคู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมกับบริบทของกลุ่มวัยทำงาน รวมไปถึงกำหนดแนวทางส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพดีวิถีใหม่ในกลุ่มวัยทำงานและขับเคลื่อนนโยบายองค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะด้านความรอบรู้สุขภาพในบุคลากรสาธารณสุขวัยทำงาน เพื่อเป็นต้นแบบในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนอย่างยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง

กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2561). การประเมินและการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy). นนทบุรี: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. สืบค้นจาก http://doh.hpc.go.th/bs/topicDisplay.php?id=444

กรมควบคุมโรค. (2564). รายงานประจำปีกองโรคไม่ติดต่อ ปี 2564. กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นจาก https://ddc.moph.go.th

กรมควบคุมโรค. (2565). รายงานสถิติสถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ปี 2565. กระทรวงสาธารณสุข.

กรมอนามัย. (2565). รายงานผลการดำเนินงานด้านสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข.

กรมอนามัย. (2566). รายงานสถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรังในประเทศไทย ปี 2566. กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นจาก https://www.anamai.moph.go.th

กฤศภณ เทพอินทร์, & คุณเสน่ห์ ขุนแก้ว. (2565). ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน อำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 15(2), 45–57.

กิติพงษ์ เรือนเพ็ชร, ชุติมา สุขเกษม, & สายฝน บุญส่ง. (2566). ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ2ส. ของนิสิตพยาบาลในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์. วารสารพยาบาลศาสตร์, 41(1), 33–45.

ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย, และคณะ. (2562). การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.

ทองสา บุตรงาม, ภาณุพงศ์ สุขอร่าม, & วาสนา เพชรเกษม. (2566). พฤติกรรมการปรับตัวบนชีวิตวิถีใหม่หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพ, 9(1), 22–33.

พวงประยงค์, ม. (2564). การส่งเสริมสุขภาพจิตในสถานการณ์โควิด-19. สถาบันสุขภาพจิต.

พัชรินทร์ มณีพงศ์, สุธาสินี สมจิตต์ และสมศรี พูนผล. (2564). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมสุขภาพ 3อ2ส ของประชาชนจังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 35(1), 15–28.

พิทยา ไพบูลย์ศิริ. (2561). ความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนไทย. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 21(3), 110–118.

ศรีสุดา บุญขยาย. (2562). การศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป กรณีศึกษาเขตสุขภาพที่ 4. ศูนย์อนามัยที่ 4 สระบุรี.

ศูนย์ข้อมูลสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2565). พฤติกรรมสุขภาพของประชาชนไทย. สืบค้นจาก https://hdc.moph.go.th/center/public/main

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2560). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560–2564). กรุงเทพฯ.

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. (2566). แผนสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566–2570. กรุงเทพฯ: สช.

สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2564). คู่มือแนวทางขับเคลื่อนสุขภาพดีวิถีใหม่สู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่. กระทรวงสาธารณสุข.

สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ. (2565). Health Promotion for JorPor Series EP.2: สุขภาพคนทำงานไทย. https://www.ohswa.or.th/17675458/health-promotion-for-jorpor-series-ep2

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2565). รายงานสำรวจอนามัยและสวัสดิการของประชาชน พ.ศ. 2565. สืบค้นจาก https://www.nso.go.t

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. (2565). รายงานสถานการณ์ประชากรไทย พ.ศ. 2565. https://www.ipsr.mahidol.ac.th

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข. (2565). แผนยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมด้านสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2565–2569.

อังศินันท์ อินทรกำแหง. (2565). การสร้างและพัฒนาเครื่องมือความรอบรู้ด้านสุขภาพของคนไทย. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 39(2), 74–88.

Boonyakai, S. (2019). Factors affecting health literacy among Thai population aged 15 years and over: A case study in health region 4. Nakhon Pathom: Ministry of Public Health.

Chantaranamchoo, N., Ruangsuwan, C., & Boonchooduang, S. (2025). Health literacy and health behavior among university personnel in the digital age. International Journal of Behavioral Science, 20(1), 45–59. https://so06.tci- thaijo.org/index.php/IJBS/article/view/274731

Manochaiwuthikul, A., Panumas, K., & Tipwaree, T. (2025). Health literacy and behavioral practices among undergraduate students: A comparative study. BMC Public Health, 25, Article 21761. https://doi.org/10.1186/s12889-025-21761-0

Nanthamongkolchai, S., Lertcharoenrat, T., & Pudpong, N. (2022). Health consequences of COVID-19 pandemic among informal workers in Thailand. Journal of Health Research, 36(5), 875–885.

Nutbeam, D. (2000). Health literacy as a public health goal: A challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21st century. Health Promotion International, 15(3), 259–267. https://doi.org/10.1093/heapro/15.3.259

Nutbeam, D. (2008). The evolving concept of health literacy. Social Science & Medicine, 67(12), 2072–2078. https://doi.org/10.1016/j.socscimed.2008.09.050

Phewchomkaewkulkit, P., et al. (2021). Health literacy and factors associated with disease prevention knowledge among Thai public health personnel. Journal of Public Health Research, 15(3), 22–34.

Sirirassamee, T., & Sirirassamee, B. (2021). Health promotion for working-age Thais: A national imperative. Journal of Health Systems Research, 15(3), 210–218.

Sørensen, K., Levin-Zamir, D., Duong, T. V., Okan, O., & Bauer, U. (2021). Health literacy in health systems: Perspectives from six Asian countries. International Journal of Environmental Research and Public Health, 18(12), 6459. https://doi.org/10.3390/ijerph18126459

Suka, M., Odajima, T., Kasai, M., Igarashi, A., Ishikawa, H., Kusama, M., ... & Sugimori, H. (2015). Relationship between health literacy, health information access, health behavior, and health status in Japanese people. Patient Education and Counseling, 98(5), 660–668. https://doi.org/10.1016/j.pec.2015.02.013

Tuntivivat, S., Chaisanit, M., & Chutamas, C. (2021). Mental health and economic uncertainty in Thai workers during the COVID-19 pandemic. Kasetsart Journal of Social Sciences, 42(4), 695–703.

United Nations Development Programme. (2022). Goal 3: Good health and well-being. https://www.undp.org/sustainable-development-goals

World Health Organization. (2023a). Health literacy development for the prevention and control of noncommunicable diseases: A toolkit. Geneva: WHO.

World Health Organization. (2023b). NCDs country profiles 2023. https://www.who.int/publications/i/item/9789240078928

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-05-26

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย