การพัฒนารูปแบบการสนับสนุนการจัดการตนเองสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ชาวไทยมุสลิม อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์ 1) ศึกษาความต้องการการสนับสนุนการจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชาวไทยมุสลิม อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ 2) พัฒนารูปแบบการสนับสนุนการจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชาวไทยมุสลิม และ 3) ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการสนับสนุนการจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชาวไทยมุสลิม ดำเนินการ 4 ระยะ กลุ่มตัวอย่าง มี 3 กลุ่มได้แก่1) ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชาวไทยมุสลิมที่มารับการรักษาที่คลินิกโรคเรื้อรัง โรงพยาบาลอ่าวลึกจำนวน 24 คน เลือกแบบเจาะจง 2) พยาบาลผู้ดูแลผู้ป่วยความดันโลหิตสูง จำนวน 6 คน เลือกแบบเจาะจง และ 3) ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชาวไทยมุสลิม จำนวน 35 คน เลือกโดยสุ่มแบบง่าย เครื่องมือวิจัย ได้แก่ 1) แนวทางการสนทนากลุ่มเพื่อศึกษาความต้องการการสนับสนุนการจัดการตนเองของผู้ป่วย พัฒนาขึ้นโดยใช้แนวคิด 5 A และ 2) แบบสอบถามการสนับสนุนการจัดการตนเองและพฤติกรรมการจัดการตนเอง หาค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหา อยู่ระหว่าง 0.74- 0.94 และค่าสัมประสิทธิ์ความเที่ยงอยู่ระหว่าง 0.83-0.85 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยสถิติพรรณนา และการทดสอบที ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชาวไทยมุสลิมต้องการการสนับสนุนการจัดการตนเองในคลินิก คู่มือการจัดการตนเอง และการเยี่ยมบ้านที่สอดคล้องกับความเชื่อทางศาสนาอิสลาม 2) รูปแบบที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วยการประเมินสุขภาพ การให้คำแนะนำ การตกลงตั้งเป้าหมาย การช่วย เหลือ การจัดการเพื่อตรวจติดตาม และการประเมินผลที่จำเพาะต่อผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชาวไทยมุสลิม และ 3) หลังการใช้รูปแบบฯ ที่พัฒนาขึ้น ผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนการจัดการตนเองและมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีกว่า ก่อนการใช้รูปแบบ ฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่ค่าเฉลี่ยความดันโลหิตไม่มีความแตกต่าง ณ นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details
เอกสารอ้างอิง
พฤศจิกายน 2559, จาก http://www.boe.moph.go.th/files/report/20140109_ 40197220.pdf
กระทรวงสาธารณสุข, สำนักระบาดวิทยา. (2558). สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรค ประจำปี 2558. ค้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน
2559, จาก http://www.boe.moph. go.th/Annual/AESR2015/aesr2558/Part%201/11 /hypertension.pdf
กระทรวงสาธารณสุข, สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์. (2557). สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรค ประจำ ปี 2557. ค้นเมื่อวันที่ 20
พฤศจิกายน 2559, จาก http://www.boe.moph.go.th/Annual/AESR2014/aesr2557/Part%201/ncd/hypertension.pdf
ชลการ ชายกุล. (2557). ผลของโปรแกรมส่งเสริมการจัดการตนเองและการมีส่วนร่วมของครอบครัวต่อพฤติกรรมสุขภาพ และความ
ดันโลหิตของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่,
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
ซูไมยะ เด็งสาแม, มณีรีตน์ ธีระวิวัฒน์, สุปรียา ตันสกุล และนิรัตน์ อิมามี. (2558). พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพด้านโภชนาการของ
ผู้นำศาสนาอิสลาม จังหวัดยะลา. วารสารสาธารณสุขศาสตร์, 45(1), 18-27.
โรงพยาบาลอ่าวลึก, งานสถิติโรงพยาบาลอ่าวลึก. (2559). สถิติผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มารับบริการคลินิกโรคเรื้อรัง. กระบี่:
ผู้แต่ง.
ศรีสุดา วนาลีสิน และไผโรส มามะ. (2558). การดูแลตนเองของพยาบาลตามหลักศาสนาอิสลาม. วารสารการพยาบาลจิตเวชและ
สุขภาพจิต, 2(29), 1-11.
สุพิณญา คงเจริญ, ชดช้อย วัฒนะ และธีรนุช ห้านิรัติศัย. (2554). ผลของโปรแกรมการกำกับตนเองเพื่อควบคุมความดันโลหิตต่อ
พฤติกรรมการกำกับตนเอง ระดับความดันโลหิตและภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในชาวไทยมุสลิมที่เป็นโรค
ความดันโลหิตสูง. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
Bodenhiemer, T., Wagner, E. H., & Grumbeach, K. (2002). Improving primary care for patients with chronic illness.
The Journal of the American Medical Association, 288(14), 1775-1779.
Glasgow, R. E., Emont, S., & Miller, D. C. (2006). Assessing delivery of the five ‘As’s for patient-centered counseling.
Health Promotion International, 21(3), 245-255.
World Health Organization. (2011). A global brief on hypertension. Retrieved January 24, 2017,
from http://www.who.int/cardiovascular_diseases/publications/global_brief _hypertension/en/