ผลของโปรแกรมเสริมสร้างการดูแลตนเองด้วยการตั้งเป้าหมายร่วมกับสามี ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและระดับน้ำตาลในเลือดของสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมเสริมสร้างการดูแลตนเองด้วยการตั้งเป้าหมายร่วมกับสามีต่อพฤติกรรมการดูแลตนเอง และระดับน้ำตาลในเลือดของสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวาน กลุ่มตัวอย่างเป็นสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานและสามี จำนวน 60 คู่ เลือกแบบเจาะจง และสุ่มอย่างง่ายให้เข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบ กลุ่มละ 30 คู่ กลุ่มทดลองได้เข้าร่วมโปรแกรมเสริมสร้างการดูแลตนเองด้วยการตั้งเป้าหมายร่วมกับสามี เป็นเวลา 16 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มเปรียบเทียบได้รับการดูแลปกติ เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลตนเอง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และการทดสอบที ผลการวิจัย พบว่า หลังการทดลอง สตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานในกลุ่มทดลอง มีพฤติกรรมการดูแลตนเองสูงกว่าก่อนการทดลอง (t = 9.991) และสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ (t = 2.980) อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 แต่ระดับน้ำตาลในเลือดไม่แตกต่างกัน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย. (2561). อิ่ม อร่อย ได้สุขภาพสไตล์เบาหวาน (พิมพ์ครั้งที่ 4). สยามเจริญพาณิชย์.
กฤษณี สุวรรณรัตน์, ตติรัตน์ เตชะศักดิ์ศรี, และ สุพิศ ศิริอรุณรัตน์. (2562). ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการภาวะเบาหวานด้วยตนเองและระดับน้ำในเลือดของหญิงที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารพยาบาลพระปกเกล้า, 30(2), 1-13.
ชนัดดา ระดาฤทธิ์, ตติรัตน์ เตชะศักดิ์ศรี, และ สุพิศ ศิริอรุณรัตน์. (2562). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการจัดการตนเองของสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 21(2), 50-59.
ดลลักษณ์ โรจน์นวเสรี. (2561). ผลของการส่งเสริมสุขภาพร่วมกับการสนับสนุนจากสามีต่อระดับน้ำตาลในเลือด และพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของสตรีที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุขและการศึกษา, 19(3), 47-58.
ทัศนีวรรณ กรุงแสนเมือง และ สมพร วัฒนนุกูลเกียรติ. (2564). ผลของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพต่อการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในสตรีตั้งครรภ์ที่มีปัจจัยเสี่ยง. วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล, 27(1), 106-121.
นันทพร ศรีเมฆารัตน์ และ สิวาพร พานเมือง. (2566). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของหญิงตั้งครรภ์ที่มีเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารอนามัยและสิ่งแวดล้อมในชุมชน, 8(1), 1-11.
โรงพยาบาลนครปฐม กลุ่มงานพยาธิวิทยาคลินิก. (2565). รายงานผลการวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ 2565. โรงพยาบาลนครปฐม.
โรงพยาบาลนครปฐม งานเวชระเบียน. (2564). รายงานสถิติสตรีตั้งครรภ์ 2564. โรงพยาบาลนครปฐม.
โรงพยาบาลศิริราช งานเวชระเบียน. (2562). รายงานสถิติผู้ป่วยปี 2562. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.
สินีนาท วราโภค. (2565). การพยาบาลสตรีที่น้ำหนักเกินเกณฑ์หรืออ้วนร่วมกับเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในสถานการณ์ที่ท้าทาย. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย, 15(1), 26-39.
สุกฤตา ตะการีย์, ศากุล ช่างไม้, และ สมพันธ์ หิญชีระนันทน์. (2562). ผลลัพธ์ของการพยาบาลที่มีการตั้งเป้าหมายร่วมกันในการฉีดอินซูลินด้วยตนเองในผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารพยาบาล, 68(3), 48-55.
Almli, I., Haugdahl, H. S., Sandsæter, H. L., Rich-Edwards, J. W., & Horn, J. (2020). Implementing a healthy postpartum lifestyle after gestational diabetes or preeclampsia: A qualitative study of the partner's role. BMC Pregnancy and Childbirth, 20(1), 66. https://doi.org/10.1186/s12884-020-2769-6
American Diabetes Association. (2016). Management of Diabetes in pregnancy. Diabetes Care, 39 (Suppl. 1), S94-S98.
doi: 10.2337/dc16-S015
Burns, N., & Grove, S. K. (2009). The practice of nursing research: Appraisal, synthesis, and generation of evidence (6th ed). Saunders Elsevier.
International Diabetes Federation. (2021). IDF Diabetes atlas (10th ed.). https://diabetesatlas.org/idfawp/resource - files/2021/07/IDF_Atlas_10th_Edition_2021.pdf
King, I. M. (1997). King's theory of goal attainment in practice. Nursing Science Quarterly, 10(4), 180-185.
Pender, N. J., Murdaugh, C. L., & Parsons, M. A. (2006). Health promotion in nursing practice (5th ed.). Pearson Prentice Hall.