ผลของโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะฟื้นฟูสภาพ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองนี้เป็นแบบวัดผลก่อนและหลังการทดลองเพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะฟื้นฟูสภาพ กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 60 คน เป็นผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะฟื้นฟูสภาพ เลือกแบบเจาะจง แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 30 คนและกลุ่มควบคุม 30 คน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย แบบประเมินพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง และแบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพ มีค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ 0.93 และ 0.87 ตามลำดับ และค่าสัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.71 และ 0.86 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาและการทดสอบที ผลการวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของกลุ่มทดลอง หลังเข้าร่วมโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ (x̄ = 64.90, SD = 5.95) สูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ (x̄ = 60.20, SD = 5.65) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = - 5.95, p < .001) และยังสูงกว่ากลุ่มควบคุมที่ได้รับการพยาบาลปกติ ( x̄ = 58.70, SD = 5.65) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = -3.314, p < .001)
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2564). แบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพ. http://www.hed.go.th/ linkHed
จิราวรรณ วิริยะกิจไพบูลย์ และ ชนกพร จิตปัญญา. (2559). ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ การรับรู้ประโยชน์ ภาวะซึมเศร้า การสนับสนุนทางสังคม และการป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคในผู้ที่รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารพยาบาลตำรวจ, 8(2), 34-44.
จุฑาทิพย์ เทพสุวรรณ, วีนัส ลีฬหกุล, และทิพา ต่อสกุลแก้ว. (2562). The effects of recurrent prevention program for stroke patients at a tertiary level hospital in Nakhon Pathom Province. วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย, 17(1), 5-18.
ทิวาพร วิถี, วีณา เที่ยงธรรม, และเพลินพิศ บุณยมาลิก. (2564). โปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมป้องกันการกลับเป็นซ้ำของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารเกื้อการุณย์, 28(1), 7-19.
ปรารถนา วัชรานุรักษ์ และ อัจฉรา กลับกลาย. (2560). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง จังหวัดสงขลา. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 4(1), 217-233.
ปรีดา อารยาวิชานนท์. (2559). การฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง. สรรพสิทธิเวชสาร, 37(1-3), 43-58.
ผู้จัดการออนไลน์. (2565, 26 พฤษภาคม). ข่าวปลอม! เช็กว่าเป็นโรคหลอดเลือดตีบที่สมองด้วยตนเอง เพียงแค่ยืนและก้มศีรษะ. Manager Online, 1. https://mgronline.com/factcheck/detail/9650000050184
ยุทธนา ชนะพันธ์ และ ดาริวรรณ เศรษฐีธรรม. (2561). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี. วารสารโรงพยาบาลสกลนคร, 21(2), 109-119.
วชิราวุฒิ หวังสม, อังศินันท์ อินทรกำแหง, และฉัตรชัย เอกปัญญาสกุล. (2561). ลักษณะทางสังคมและคุณ ลักษณะความฉลาดกับการทำนายพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองตีบ. วารสารการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 25(2), 82-96.
สมศักดิ์ เทียมเก่า. (2565). แนวโน้มการเสียชีวิตผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน. วารสารประสาทวิท ยาแห่งประเทศไทย, 39(2), 32-38.
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กองยุทธศาสตร์และแผนงาน. (2566). สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2565. https://spd.moph.go.th/wp-content/uploads/2023/11/Hstatistic65.pdf
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี. (2561). การดำเนินงานพัฒนาการป้องกันควบคุมโรคร่วมกับจังหวัด ปีงบประมาณ 2560. https://odpc10.ddc.moph.go.th/wp-content/uploads/2018/01
สุจิตรา คุ้มสะอาด, วีณา เที่ยงธรรม, และเพลินพิศ สุวรรณอำไพ,. (2561). ปัจจัยด้านพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์การกลับเป็นซ้ำของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 31, 13-26.
สุวิดา ลิ่มเริ่มสกุล, จงจิต เสน่หา, ดวงรัตน์ วัฒนกิจไกรเลิศ, และปฏิณัฐ บูรณะทรัพย์ขจร. (2565). ผลของโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้สูงอายุเบาหวานชนิดที่ 2 วารสารพยาบาลศาสตร์, 40(1), 84-98.
อรอุมา คงแก้ว. (2561). การรับรู้การเจ็บป่วย และพฤติกรรมการป้องกันการกลับเป็นซ้ำในผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดสมอง [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์]. PSU Knowledge Bank.
https://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/12981
อารีย์รัตน์ เปสูงเนิน, นันทวัน สุวรรณรูป, และวันเพ็ญ ภิญโญภาสกุล,. (2561). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคของผู้ป่วยกลุ่มเสี่่ยงที่มารับบริการในปฐมภูมิ. วารสารสุขภาพวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา, 24(1), 40-56.
Aaby, A., Friis, K., Christensen, B., Rowlands, G., & Maindal, H. T. (2017). Health literacy is associated with health behaviour and self-reported health: A large population-based study in individuals with cardiovascular disease. European Journal of Preventive Cardiology, 24(17), 1880-1888.
Kuriakose, D., & Xiao, Z. (2020). Pathophysiology and treatment of stroke: Present status and future perspectives. International Journal of Molecular Sciences, 21(20), 1-24.
Lennon, O., Blake, C., Booth, J., Pollock, A., & Lawrence, M. (2018). Interventions for behaviour change and self-management in stroke secondary prevention: Protocol for an overview of reviews. Systematic Reviews, 7(1), 1-9. https://doi.org/10.1186/s13643-018-0888-1
Polit, D. F., & Beck, C. K. (2004). Nursing research: Principle and methods. Lippincott Williams & Wilkins.
Solomon, J. M., Mahmood, A., English, C., & Natarajan, M. (2021). Physical exercise literacy, beliefs, and preferences among stroke survivors living in a developing country. Annals of Physical and Rehabilitation Medicine, 64(6). 101473. https://doi.org/10.1016/j.rehab.2020.101473
Sorensen, K., Van den Broucke, S., Fullam, J., Doyle, G., Pelikan, J., Slonska, Z., Brand, H., & (HLS-EU) Consortium Health Literacy Project European. (2012). Health literacy and public health: A systematic review and integration of definitions and models. BMC Public Health, 12(80), 1-13.