ระดับความรู้ ความเชื่อมั่นในความสามารถของตน และพฤติกรรมการดูแลทันตสุขภาพ สำหรับเด็ก ของผู้ปกครองที่มีเด็กเล็กฟันไม่ผุและฟันผุเขตเทศบาลหนองแค จังหวัดสระบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ลักษณะส่วนบุคคล ระดับความรู้ที่ถูกต้องด้านทันตสุขภาพสำหรับเด็ก ระดับความเชื่อมั่นในความสามารถในการดูแลทันตสุขภาพสำหรับเด็ก และพฤติกรรมการดูแลทันตสุขภาพสำหรับเด็กของผู้ปกครองที่มีเด็กเล็ก ในเขตเทศบาลตำบลหนองแค อำเภอหนองแค ใน พ.ศ. 2558 กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ปกครองที่มีเด็กอายุ 5 ปีที่มีฟันไม่ผุ 87 คน และฟันผุ 157 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยให้ตอบแบบสอบถามด้วยตนเอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบไคสแควร์ ผลการศึกษาพบว่าผู้ปกครอง ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 31-40 ปี เป็นพนักงานบริษัท รายได้ต่อเดือน 10,001-20,000 บาท สถานภาพสมรสคู่ มีความสัมพันธ์กับเด็กในฐานะบิดา-มารดา และมีเด็กจำนวน 2 คนในการดูแล ลักษณะที่ต่างกันคือ ผู้ปกครองที่มีเด็กเล็กฟันไม่ผุมีอายุน้อยกว่า ระดับการศึกษาสูงสุดสูงกว่า มีสถานภาพสมรสคู่มากกว่า อาชีพหลักและรายได้ต่อเดือนดีกว่า ผู้ปกครองทั้งสองกลุ่มมีความรู้ด้านทันตสุขภาพสำหรับเด็กที่ถูกต้องไม่แตกต่างกัน โดยมีค่าเฉลี่ยคะแนนอยู่ในระดับสูงระดับความเชื่อมั่นในความสามารถในการดูแลทันตสุขภาพสำหรับเด็กของผู้ปกครองทั้งสองกลุ่มอยู่ในระดับปานกลาง โดยผู้ปกครองที่มีเด็กฟันผุมีความเชื่อมั่นสูงกว่า ในเรื่อง สามารถแปรงฟันให้เด็กได้ทั่วถึงเป็นอย่างดี, สามารถดูแลฟันเด็กให้แข็งแรงได้ และ สามารถจัดการให้เด็กร่วมมือในการทำฟันได้และพฤติกรรมการดูแลทันตสุขภาพสำหรับเด็กของผู้ปกครองทั้งสองกลุ่มไม่ต่างกัน
Downloads
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2.Rajab LD, Hamdan MA. Early childhood caries and risk factors in Jordan. Community Dent Health 2002;4:224-9
3.ดวงใจ เล็กสมบูรณ์. การศึกษาความเชื่อและพฤติกรรมการดูแลทันตสุขภาพเด็กก่อนวัยเรียนของผู้เลี้ยงเด็ก. วิทยาสารทันตแพทยศาสตร์มหิดล,2547;3: 177-184.
4.สุดใจ แจ่มเจือ, พรรณี บัญชรหัตถกิจ, วีระศักดิ์ ชายผา. พฤติกรรมการดูแลทันตสุขภาพเด็กก่อนวัยเรียนของผู้ปกครองที่มารับบริการทันตกรรมในโรงพยาบาลด่านขุนทดจังหวัดนครราชสีมา. วิทยาสารทันตสาธารณสุข. 2545;2: 56-63.
5.สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย. รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากระดับประเทศ ครั้งที่ 7 ประเทศไทย พ.ศ. 2551-2555. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สำนักกิจการองค์การทหารผ่านศึก.2556
6.กลุ่มงานทันตสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี. รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากจังหวัดสระบุรีพ.ศ. 2555. สระบุรี: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี. 2555.
7.กลุ่มงานทันตสาธารณสุข โรงพยาบาลหนองแค. รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากระดับอำเภอ พ.ศ. 2557.สระบุรี: โรงพยาบาลหนองแค.2557
8. Bandura, A. Self-Efficacy: the Exercise of Control. New York: W.H. Freeman.1997
9. Krejcie, R.V., & Morgan, D.W. Determinining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 1970, 607-610.
10.อานันตยา พลสักขวา, สุพรรณี ศรีอำพร, วรนุช ปิติพัฒน์, สุพจน์ คำสะอาด. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคฟันผุในเด็กอายุ 3 ปี ในและนอกเขตเทศบาลไชยวานอำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี. วิทยาสารทันตสาธารณสุข,2550: 38-47.
11.หฤทัย สุขเจริญโกศล. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยระดับปัจเจกของผู้ปกครองปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรมและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็ก 0-5ปีในตำบลออนกลาง กิ่งอำเภอแม่ออนจังหวัดเชียงใหม่.วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.2545
12.สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย. . การประเมินผลการจัดบริการบูรณาการส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปากในงานบริการแม่และเด็กของโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข.2557
13. อุทัยวรรณ จันทรประภาพ.การรับรู้ลักษณะงาน การรับรู้ความสามารถในตนเอง แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ที่เกี่ยวข้องกับผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พยาบาล โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง). วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพมหานคร.2549.
14.บุญเอื้อ ยงวานิชากร, ดาวเรือง แก้วขันตี, วราภรณ์ จิระพงษา, ผุสดี จันทร์บาง. สถานการณ์การดูแลสุขภาพช่องปากและการใช้บริการทันตกรรมของประชาชน.วิทยาสารทันตสาธารณสุข, 2544: 105-88.