ผลการพัฒนารูปแบบการจัดบริการเคลือบหลุมร่องฟันในเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา ให้ครอบคลุมในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ปีการศึกษา 2549-2557

Main Article Content

ฉัตรชัย มาแก้ว

บทคัดย่อ

การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดบริการเคลือบหลุมร่องฟันในฟันกรามแท้ซี่ที่หนึ่งของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาให้ครอบคลุมในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลพรหมพิราม ปีการศึกษา 2549-2557 กิจกรรมที่สำคัญคือ (1) การตรวจสอบความพร้อมใช้ของยูนิตทันต กรรมและครุภัณฑ์ทันตกรรมรายวัน (2) อบรมให้ความรู้และพัฒนาทักษะการเคลือบหลุมร่องฟันให้กับทีมทันตบุคลกรทุกปี (3) จัดบริการเคลือบหลุมร่องฟันให้ครอบคลุมในฟันกรามแท้ซี่ที่หนึ่งที่มีความจำเป็นต้องได้รับการเคลือบหลุมร่องฟันของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2 (4) ตรวจการยึดติดของวัสดุเคลือบหลุมร่องฟันในเด็กที่เคยผ่านการเคลือบหลุมร่องฟันระยะเวลา 1 ปี เมื่อขึ้นมาเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เก็บข้อมูลการตรวจสอบความพร้อมใช้ของยูนิตทันตกรรมและครุภัณฑ์ทันตกรรมรายวัน ตรวจช่องปากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2 ทุกปี ตรวจการยึดติดของวัสดุเคลือบหลุมร่องฟันปีละ 1 ครั้งพร้อมกับการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ในโรงเรียนประถมศึกษาและตรวจสภาวะสุขภาพช่องปากเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีละ 1 ครั้งตามแผนการออกสำรวจสภาวะทันตสุขภาพระดับอำเภอ ผลการศึกษาพบว่า ดำเนินการตรวจสอบความพร้อมใช้ของยูนิตทันตกรรมและครุภัณฑ์ทันตกรรมได้ทุกวันร้อยละ 100 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ร้อยละ 92.1-96.7 ได้รับการตรวจช่องปากและเด็กนักเรียนที่ได้รับการตรวจช่องปากได้รับการเคลือบหลุมร่องฟันในฟันกรามแท้ซี่ที่หนึ่ง ร้อยละ 70.1-81.3 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ต้องได้รับการเคลือบหลุมร่องฟันและต้องเคลือบหลุมร่องฟันซ้ำร้อยละ 93.2-96.5 ได้รับการเคลือบหลุมร่องฟัน ฟันกรามแท้ซี่ที่หนึ่งร้อยละ 71.7-98.3 มีการยึดติดสมบูรณ์ในระยะเวลา 1 ปี ผลมาจากการพัฒนารูปแบบการจัดบริการเคลือบหลุมร่องฟันที่ครอบคลุมวัดจากค่าความชุกของโรคฟันผุในเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (อายุ 12 ปี) มีแนวโน้มที่ลดลงเล็กน้อยช่วงเด็กที่ดำเนินการ 3 รุ่นแรกและลดลงอย่างชัดเจนในเด็กรุ่นที่ 4

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
มาแก้ว ฉ. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดบริการเคลือบหลุมร่องฟันในเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา ให้ครอบคลุมในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ปีการศึกษา 2549-2557. Th Dent PH J [อินเทอร์เน็ต]. 31 ธันวาคม 2015 [อ้างถึง 29 ธันวาคม 2025];20(3):17-2. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThDPHJo/article/view/150932
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

1. ขนิษฐ์รัตนรังสิมา, ปิยะดา ประเสริฐสม, วรรณภา ศรีทอง. สภาวะสุขภาพช่องปากเด็กประถมศึกษาและปัจจัยที่เกี่ยวข้องจากระบบเฝ้าระวังทันตสุขภาพ ระหว่างปี 2548-2553. ว.ทันต.สธ2554 ; 16(1) : 18-31.

2. กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รายงานผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 ประเทศไทย พ.ศ. 2555 สำนักกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก กรุงเทพมหานคร พฤษภาคม 2556

3. Tinanoff N. Dental caries: etiology, pathogenesis, clinical manifestations, and management. In: Wei SHY, editor. Pediatric dentistry : Total patient care. Philadelphia: Lea &Febiger , 1998, p 9-22.

4. Hitt JC. andFeigal RJ. The effect of moisture contamination on sealant technique. J Dent Res.1989 ; 68 : 1040-1045.

5. Khan BN, Chohan NA, AI-Mograbi B, AI-Deyab, Zahid, and AI-Moutairi M. Eruption time of permanent first molars and incisors among a sample of Saudi male school children. Saudi Dent J. 2006 ; 18(1) : 18-24.

6. Wang JD, Chen X, Frencken J, DU M and Chen Z. Dental caries and first permanent molar pit and fissure morphology in 7-to8-years-old children in Wulan, China. Inter J Oral Sci. 2014 ; 4 : 157-160.

7. Hick MJ, The acid-etch technique in caries prevention: Pit and fissure sealants and preventive resin restoration in: Pinkham JR, editor. Pediatric dentistry Infancy through adolescence.3rd ed. Philadelphia : W.B.Saunders, 1999, p 481-521.

8. Craig.R.G., O’Brien, W.J., and Powers, J.M. Dental Materials.5 th edition., Mosby-Year Book,Inc. St. Louis, 1992, p 35-45.

9. Waggoner, W.F.,andSiegal, M. Pit and fissure sealant application : updating the technique. JADA. 1996 ; 127 : 351-361.

10. World Health Organization. Oral Health Surveys-Basic Methods 4 Edition, Genava: 1997

11. จันทร์พิมพ์ หินเทาว์, สุกัญญา เธียรวิวัฒน์. การยึดอยู่และกลวิธีการปรับปรุงประสิทธิภาพโครงการผนึกหลุมและร่องฟันในประเทศไทย. ว.สาธารณสุขและการพัฒนา. 2556 ; 11(1) : 47-61.

12. ทิวา ม่วงเหมือน. การขึ้นและการผุของฟันกรามแท้ซี่แรกของเด็กตำบลบ้านกลาง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์. ว.ทันต.สธ.2557 ; 19(1) : 9-19.

13. สุรพล ตั้งสกุล, สมสมัย อินอ่อน, วีระบูรณ์ ไชยพันธ์. เทคนิคที่เหมาะสมการทำเคลือบหลุมร่องฟันในหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ในโรงเรียน (รายงานการวิจัย). อุบลราชธานี:โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ; 2541.

14. ศรัญยา ตันเจริญ, พรสิริน ชัยชโลทรกุล, เกศรินทร์ เจริญแสงสุริยา, พรพิมล เจียมวงษา, กมลรัตน์ หิรัญรัตน์. การสำรวจอัตราการยึดติดอยู่ของวัสดุเคลือบหลุมร่องฟันแท้ซี่ที่1 ในเด็กนักเรียนประถมศึกษาชั้นปีที่2 และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในปัจจุบันที่ผ่านการศึกษาเมื่อ 1 และ 2 ปีก่อนตามลำดับ ณ โรงเรียนชุมชนโชคมิตรภาพที่ 140 ต.โซ่ อ.ซาพิสัย จ.หนองคาย. ว.ทันต.มหิดล. 2543 ; 20 : 45-54.

15. วลีรัตน์ ชุมภูปัน. การเปรียบเทียบอัตราการยึดติดของสารเคลือบหลุมร่องฟันของหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ในโรงเรียนกับคลินิกทันตกรรมในระยะเวลา 6, 12 และ 36 เดือน ในเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร. ว.ทันต.สธ.2554 ; 16(2) : 33-41.

16. ศุภนิจ ชาญวานิชพร. ผลการยึดติดของการเคลือบหลุมร่องฟันในเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภายหลังการเคลือบหลุมร่องฟัน 3 ปี จังหวัดระนอง ปี 2550. ว.ทันต.สธ. 2551 ; 13(3) : 62-71.

17. Heller K, Reed SG, Bruner FW, Eklund SA, Burt BA. Longitudinal evaluation of sealing molars with and without incipient dental caries in a public health program. J Public Health Dent 1995 ; 55 : 148-53.