ประสิทธิผลของโครงการเคลือบหลุมร่องฟันในเด็กนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 1อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโครงการเคลือบหลุมร่องฟันในกลุ่มนักเรียน ประถมศึกษาปีที่ 1 อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี ในด้านการคงอยู่ของวัสดุและการเกิดโรคฟันผุในฟันกรามแท้ ซี่แรกที่ได้รับการเคลือบหลุมร่องฟันโดยเปรียบเทียบกับกลุ่มนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ไม่ได้รับการเคลือบ หลุมร่องฟัน เมื่อเวลาผ่านไป 24 เดือน ศึกษาในนักเรียนที่มีฟันกรามแท้ซี่แรกดีที่ควรเคลือบ รวม 398 คน จํานวนฟัน 771 ซี่ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนักเรียนได้รับการเคลือบหลุมร่องฟัน จํานวน 183 คน จํานวนฟัน 349 ซี่ และกลุ่มนักเรียนที่ไม่ได้รับการเคลือบหลุมร่องฟัน จํานวน 215 คน จํานวนฟัน 422 ซี่ หลังจากนั้น 24 เดือน จึงตรวจการคงอยู่ของวัสดุเคลือบหลุมร่องฟันและสภาวะฟันผุในนักเรียนที่ได้รับการเคลือบหลุมร่องฟัน ส่วน นักเรียนที่ไม่ได้รับการเคลือบหลุมร่องฟันได้รับการตรวจสภาวะฟันผุอย่างเดียว การวิเคราะห์ผลใช้สถิติไคสแควร์ พบว่า มีฟันที่สารเคลือบหลุมร่องฟันยึดติดสมบูรณ์ ยึดติดบางส่วน และหลุดหมด ร้อยละ 41.8, 24.7 และ 33.5 ของจํานวนฟันที่เคลือบตามลําดับ อัตราการเกิดโรคฟันผุร้อยละ 16.3 ของจํานวนฟันที่เคลือบ ผู้ให้บริกา แต่ละคนมีผลต่อการยึดติดสมบูรณ์ของสารเคลือบหลุมร่องฟันแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p = 0.001) ฟันกรามแท้ซี่ที่ 1 บนและล่าง มีอัตราการยึดติดของสารเคลือบหลุมร่องฟันไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญ ทางสถิติ และมีอัตราการเกิดโรคฟันผุไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ ฟันที่สารเคลือบหลุมร่องฟันยึดติด สมบูรณ์ไม่พบฟันผุ ฟันที่สารเคลือบหลุมร่องฟันหลุดหมดมีโอกาสเกิดฟันผุสูงเป็น 8.42 เท่าของฟันที่สารเคลือบ หลุมร่องฟันหลุดบางส่วน (OR = 8.42, 95% CI = 3.59-19.65) อัตราการเกิดฟันผุในกลุ่มนักเรียนที่ได้รับการ เคลือบหลุมร่องฟันกับกลุ่มนักเรียนที่ไม่ได้รับการเคลือบหลุมร่องฟัน พบว่า ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทาง สถิติ โครงการเคลือบหลุมร่องฟันในนักเรียนประถมศึกษายังมีประสิทธิผลในการป้องกันฟันผุ แต่ต้องพัฒนา คุณภาพบริการและระบบบริการเพื่อให้การใช้สารเคลือบหลุมร่องฟันมีประสิทธิผลในการป้องกันฟันผุสูงสุด
Downloads
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2. กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. รายงานผลการสํารวจสภาวะ ทันตสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2537 ประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2538.
3. กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, รายงานผลการสํารวจสภาวะ ทันตสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2544. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์สามเจริญพาณิชย์, 2545.
4. คมสรรพ์ บุณยสิงห์, จันทนา อึ้งชูศักดิ์, การกระจายของโรคฟันผุในฟันถาวรของเด็กไทย วัยเรียน, ว ทันต มหิดล 2537; 14: 34-47.
5. Bohanan HM, Disney JA, Craves RC, Bader JD, Klein SP, Bell RM. Indication for sealant use in a community base preventive dentistry program. J Dent Educ 1984; 48 (suppl): 45 - 55.
6. Brown LJ, Selwitz RH. The impact of recent changes in the epidemiology of dental caries on guideline for the use of dental sealants. J Public Health Dent 1995; 55: 274 - 91,
7. Tinanoff N. Dental caries : etiology, pathogenesis, clinical manifestations and management. In : Wei SHY, editor Pediatric dentistry: Total patient care. Philadephia: Lea & Febigger, 1988: 9-22.
8. National Institutes of Health. Consensus development : conference statement on dental sealants in the prevention of tooth decay. J Am Dent Assoc 1984: 108: 233 - 6.
9. Ripa LW. The current status of pit and fissure sealant: a review. J Can Dent Assoc 1985: 51:367-80.
10. Ripa LW. Sealant revisited: an update of the effectiveness of pit and fissure sealant after 15 years. Caries Res 1993; 27: 77 - 82.
11. สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ สํานักนายกรัฐมนตรี, แผน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่แปด พ.ศ. 2540 - 2544
12. Weintraub JA. The Effectiveness of Pit and Fissure Sealants. J Public Health Dent 1989; 9: 317 - 27.
13. Vrbric V. Five-year experience with fissure sealing, Quintessence Int 1986; 17: 371 - 2
14. Raadal M, Utkilen AB, Nilsen OL. Fissure sealing with a light - cured resin - reinforced glass-ionomer cement (Vitrebond) compared with a resin sealant. Int J Pediatr Dent 1996; 6: 235 - 9.
15. อัมพร เดชพิทักษ์ และ พรรณวดี พันธัย การยึดติดของสารเคลือบหลุมร่องฟันในช่วง ระยะเวลา 24 เดือน, เชียงใหม่ทันตแพทยสาร 2543; 21: 69-75.
16. ขวัญชัย คันธมธุรพจน์, ประสิทธิผลของโครงการเคลือบหลุมร่องฟันในเด็กนักเรียน ประถมศึกษา จังหวัดกําแพงเพชร ว.ทันต.สธ 2550; 12: 7 - 15.
17. Weintraub JA, Stearns SC, Rozier RG, Huang CC. Treatment outcome and costs of dental sealants among children enrolled in Medicaid. Am J Public Health 2001; 91: 1877 - 81.
18. กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. หนึ่งปียิ้มสดใสเด็ก กทม.ฟันดี : การประเมินผลโครงการกรมอนามัย/สํานักงาน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2549. สุพรรณบุรี หจก.ออฟเซทอาร์ทออโตเมชั่น; 2549: 25-28.
19. Messer LB, Calache H, Morgan MV. The retention of pit and fissure sealants placed in primary school by Dental Health Service, Victoria. Aust Dent J 1997; 42(4): 233 - 9.
20. Manton DJ, Messer LB. Pit and fissure sealant : Another major cornerstone in preventive dentistry. J Aust Dent Res 1995; 40: 22-9.
21. Bagramimian RA, Srivastava S, Graves RC. Pattern of sealant relation in children receiving a combination of carious prevention methods: three year results. JADA 1979, 98: 46 - 50.
22. วัลลภ ภูวพานิช. หลักการและแนวคิดในการเคลือบหลุมและร่องฟัน เพื่อป้องกันฟันผุ ภาควิชาทันตกรรมชุมชน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (ออนไลน์) AvailableFrom : URL.http://www.dent anamai.moph.go/th/oralhealth/sealant/sealant 0-1. SPML 2007, September 26]
23. Leak JL, Martinello BP. A four – years evaluation of sealant in public health setting. J Can Dent Assoc 1977; 42 (8): 409 - 413.
24. สุนีย์ วงศ์คงคาเทพ, จันทนา อึ้งชูศักดิ์, บุปผา ไตรโรจน์, สุภาวดี พรหมมา, รูปแบบการ ส่งเสริมสุขภาพช่องปากผสมผสานเพื่อลดปัญหา ฟันผุในกลุ่มเด็กปฐมวัย, ว ทันต 2549; 56: 77 - 84.
25. สมศักดิ์ เลิศจีระจรัส. รายงานวิจัยเรื่อง การควบคุมแผ่นคราบจุลินทรีย์ด้วยตนเอง โดย วิธีการแปรงฟันร่วมกับการใช้เม็ดสีย้อมคราบ จุลินทรีย์ในนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพเขต 10 เชียงใหม่หน้า 19 - 21.
26. ผุสดี ศรีเจริญ, สุขภาพฟันดีถ้วนหน้า ปี 2543. เชียงใหม่ทันตแพทยสาร 2533; 2: 43 - 53.