การดำรงอัตลักษณ์ไทยทรงดำ : ภาคปฏิบัติการทางวาทกรรมสู่การสร้างความเข้มแข็ง ของชุมชนหมู่บ้านหัวเขาจีน
Main Article Content
Abstract
การวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีวิทยาการวิเคราะห์วาทกรรม วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อวิเคราะห์การดำรงอัตลักษณ์ไทยทรงดำของชุมชนหมู่บ้านหัวเขาจีนด้วยวิธีการวิเคราะห์ตัวบท ภาคปฏิบัติการทางวาทกรรม ภาคปฏิบัติการทางสังคมของการดำรงอัตลักษณ์ไทยทรงดำซึ่งนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดยให้ความสำคัญกับการศึกษาปฏิสัมพันธ์และการหลอมรวมระหว่างอัตลักษณ์ไทยทรงดำและผู้คนในชุมชนรวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยการศึกษาเอกสาร การสังเกต และการสัมภาษณ์เชิงลึกของผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐ ผู้นำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน คณะกรรมการบริหารหมู่บ้าน และผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนหมู่บ้านหัวเขาจีน ตำบลห้วยยางโทน จังหวัดราชบุรี จำนวน 16 คน เพื่อรวบรวมข้อมูลในการวิเคราะห์วาทกรรมข้างต้น ผลการศึกษาพบว่า ตัวบทอัตลักษณ์ไทยทรงดำของหมู่บ้านหัวเขาจีน ประกอบด้วย 4 ด้าน คือ ด้านวัฒนธรรมและประเพณี ด้านการแต่งกาย ด้านภาษาและการสื่อสาร และด้านการดำรงชีพ เป็นการสืบทอดกันมาเพื่อทำให้ชาวไทดำรำลึกถึงถิ่นกำเนิด และการใช้ชีวิตอยู่การสวมใส่เครื่องแต่งกายสีดำเพื่อดำรงอัตลักษณ์ ความสมัครสมานสามัคคี ความรักและหวงแหนแผ่นดิน ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความซื่อสัตย์ การทดแทนคุณแผ่นดิน ผลการวิเคราะห์ภาคปฏิบัติการทางวาทกรรมดำรงอัตลักษณ์ไทยทรงดำ มีการกำหนดระเบียบ กฎเกณฑ์การดำรงชีวิต การสร้างคำว่า “ไทยทรงดำ” เพื่อดำรงอัตลักษณ์การสนับสนุนการผลิตซ้ำจากภาคปฏิบัติการทางสังคมผ่าน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ กิจกรรมทางสังคม การเป็นตัวแทนของผู้เป็นต้นแบบ และการสถาปนาอัตลักษณ์ไทยทรงดำให้เป็นทางการ ซึ่งวาทกรรมการดำรงอัตลักษณ์ไทยทรงดำได้หลอมรวม กลมกลืนกับแนวทางการพัฒนาประเทศภายใต้วาทกรรมชุมชนเข้มแข็งได้อย่างเหมาะสม ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแนวคิด วิถีชีวิต การหวงแหนอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ส่งผลให้กระบวนการผลิตซ้ำวาทกรรมชุมชนเข้มแข็งด้วยอัตลักษณ์ไทยทรงดำยังได้รับการสนับสนุนจากผู้นำชุมชนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
This research was qualitative research using discourse analysis methodology. The objectives of this research were to analyze the Thai Song Dam identities maintenance for building the strong community of Hua Kao Jeen village by using the analyses of text, discursive practice, and social practice. This research mainly focused on the interactions from the combination of Thai Song Dam Identities and community as well as local government unit. Following on qualitative research methodology in this research, documentary study, observations, and in-depth interview consisted of heads of local government units, community leaders, sage villagers, village committees, and local citizens; total of 16 persons were used to collect necessary data for discourse analyses. The results shewn the text analysis consisted of 4 dimensions; culture and tradition, costumes, languages and communication, and lifestyle. Thai Son Dam identities with the black costumes were inherited as to reminding of their origin, ethnic harmonization, integrity, humble and gratitude. Discursive reproduction support from social practice came from 3 factors; social activity, representation of role model, and constitution of identity. The seamless amalgamation of Thai Song Dam identities and strong community created new ways of life, routines, sociocultural conservation. As a result, Thai Song Dam identity reproduction was continuously supported from village leaders and local government units.