ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมในการใช้กัญชาทางการแพทย์ โรงพยาบาลเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
กัญชาทางการแพทย์, ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, พฤติกรรมในการใช้กัญชาทางการแพทย์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์ พฤติกรรมในการใช้กัญชาทางการแพทย์ และความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพฯ และพฤติกรรมในการใช้กัญชาทางการแพทย์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้ใช้กัญชาทางการแพทย์จากโรงพยาบาลเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 211 คน เครื่องมือ ที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม ดำเนินการเก็บข้อมูลระหว่างเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 ถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วยการทดสอบ Chi-Square
ผลการศึกษา พบว่า ภาพรวมความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์อยู่ในระดับเพียงพอ ร้อยละ 92.4 เมื่อพิจารณาตามองค์ประกอบ พบว่า ด้านความรู้ความเข้าใจในการใช้กัญชาทางการแพทย์ ด้านการเข้าถึงข้อมูลและบริการสุขภาพในการใช้กัญชาทางการแพทย์ ด้านทักษะการสื่อสารสุขภาพในการใช้กัญชาทางการแพทย์ ด้านทักษะการจัดการตนเองในการใช้กัญชาทางการแพทย์ ด้านการตัดสินใจเลือกปฏิบัติในการใช้กัญชาทางการแพทย์ และด้านการรู้เท่าทันสื่อในการใช้กัญชาทางการแพทย์ อยู่ในระดับเพียงพอ ร้อยละ 71.6, 83.9, 74.9, 56.4, 93.4 และ 95.7 ตามลำดับ และมีพฤติกรรมในการใช้กัญญาทางการแพทย์ในระดับที่ถูกต้อง ร้อยละ 95.3 โดยความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์ และการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและบริการสุขภาพในการใช้กัญชาทางการแพทย์มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมในการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
References
Mignoni, G. Cannabis as a licit crop: recent developments in Europe. [ออนไลน์]. (1998). [เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565]. เข้าถึงได้จาก https://shorturl.at/hi034.
ธิติ มีแต้ม และ ฐิติพล ปัญญาลิมปนันท์. กัญชา: พืชร้ายหรือสมุนไพรทางเลือก. [ออนไลน์]. (2561). [เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565]. เข้าถึงได้จาก https:// www.bbc.com/thai/thailand-42748753.
วิธวินท์ ฝักเจริญผล และคณะ. ผลการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ต่ออาการไม่สุขสบายและคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะประคับประคอง. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ 2566; 38(1): 53-62.
ธีระ วรธนารัตน์. กรณีศึกษานโยบายกัญชาทางการแพทย์. [ออนไลน์]. (2564). [เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565]. เข้าถึงได้จาก shorturl.at/ak048.
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. การประเมินและการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy). [ออนไลน์]. (2561). [เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565]. เข้าถึงได้จาก http:// www.hed.go.th/linkhed/file/138.
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. ทฤษฎีและแนวคิดในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ. [ออนไลน์]. (2564). [เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565]. เข้าถึงได้จาก http:// hed.go.th/linkHed/index/366.
โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา. การให้บริการ "คลินิกกัญชาทางการแพทย์". [ออนไลน์]. (2562). [เข้าถึงเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566]. เข้าถึงได้จาก https:// shorturl.asia/YtaKd.
Hsieh et al. A simple Method of Sample Size Calculation for Linear and Logistic Regression. Statistics in Medicine 1998; 17(14): 1623-34.
ณิตชาธร ภาโนมัย และคณะ. ความรอบรู้ด้านสุขภาพในการใช้กัญชาทางการแพทย์ของผู้ป่วยมะเร็งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา 2565; 8(1): 50 – 67.
อิรวดี อุนยะพันธุ์ และ พิพัฒน์ นนทนาธรณ์. ความรู้ ทัศนคติและการปฏิบัติต่อการใช้กัญชาของประชากร ในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารสมาคมนักวิจัย 2564; 26(2): 87 – 101.
พลภัทร เครือคํา และ รชานนท์ ง่วนใจรัก. ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกของครัวเรือนในอําเภอลําปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์, วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2566; 16(1): 39 – 51.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2025 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กระทรวงสาธารณสุข
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และบุคลากรท่านอื่นๆในสำนักงานฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว