Knowledge, Attitude, and Practice of Breastfeeding Promotion among Nurses in Private Hospitals
Main Article Content
Abstract
Purpose: This research aimed to study the relationship among knowledge, attitudes, and practice of breastfeeding promotion among nurses.
Design: Correlational study design.
Methods: The subjects were 86 nurses practicing in post-partum or nursery units in private hospitals in Bangkok. Data were collected using a personal information form, and a set of questionnaires including knowledge, attitude, and practice of breastfeeding promotion among nurses (α = 0.76, 0.73, and 0.94, respectively). Descriptive statistics and Pearson’s correlation coefficient were used for data analysis.
Main findings: The results revealed that the nurses’ knowledge on breastfeeding was at moderate level (X = 16.79 ± 2.833), attitude toward breastfeeding at high level (X = 4.00 ± .317), and practice on breastfeeding promotion at high level (X = 2.37 ± .484). The results also showed statistically significant positive relationship between attitude and practice of nurses in the promotion of breastfeeding (r = .295, p = .006), there was no relationships between knowledge and attitude, as well as knowledge and practice.
Conclusion and recommendations: Based on the results, a training for nurses on breastfeeding promotion should be supported on a regularly basis to increase their breastfeeding skills and expertise as well as to develop positive attitude toward breastfeeding.
Keywords: attitude, breastfeeding, knowledge, nurses, practice, private hospitals
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
รูปแบบการวิจัย: การวิจัยแบบศึกษาความสัมพันธ์
วิธีดำเนินการวิจัย: กลุ่มตัวอย่าง คือ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหน่วยหลังคลอด หรือห้องเด็กอ่อนของโรงพยาบาลเอกชน ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 86 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามความรู้ทัศนคติ และการปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (α = 0.76, 0.7 และ 0.94 ตามลำดับ) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการวิจัย: พยาบาลมีคะแนนความรู้ในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ระดับปานกลาง (X = 16.79 ± 2.833) คะแนนทัศนคติในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ระดับสูง (X = 4.00 ± .317) และคะแนนการปฏิบัติในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ระดับสูงเฉลี่ย (X = 2.37 ± .484) เมื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติ พบว่า ทัศนคติของพยาบาล มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .295, p = .006) แต่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ กับทัศนคติ และความรู้ กับการปฏิบัติในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
สรุปและข้อเสนอแนะ: พยาบาลควรได้รับการอบรมความรู้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดทักษะ ความชำนาญ และการปฏิบัติที่ถูกต้องในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และเกิดทัศนคติเชิงบวกต่อการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
คำสำคัญ: ทัศนคติ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ความรู้ พยาบาล การปฏิบัติ โรงพยาบาลเอกชน
Article Details
Copyright Notice: Nursing Science Journal of Thailand has exclusive rights to publish and distribute the manuscript and all contents therein. Without the journal’s permission, the dissemination of the manuscript in another journal or online, and the reproduction of the manuscript for non-educational purpose are prohibited.
Disclaimer: The opinion expressed and figures provided in this journal, NSJT, are the sole responsibility of the authors. The editorial board bears no responsibility in this regard.