เปรียบเทียบอัตราการนอนโรงพยาบาลระหว่างการใช้เครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากาก และการรักษาด้วยยาแบบมาตรฐานในผู้ป่วยโรคหอบหืดที่มีอาการหอบเฉียบพลัน ณ ห้องฉุกเฉิน รพ.ภูมิพลอดุลยเดช พอ.

Main Article Content

Patthamaporn Putthapibal
Aorawan Saibuatong

บทคัดย่อ

ความเป็นมา : ปัจจุบันเครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากาก เข้ามามีบทบาทต่อการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหายใจล้มเหลวมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาโรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งมีพยาธิสภาพคล้ายกับโรคหอบหืด แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดถึงประสิทธิภาพ ของการนำมารักษาผู้ป่วยโรคหอบหืดที่มีอาการหอบเฉียบพลัน


วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาเปรียบเทียบอัตราการนอนโรงพยาบาลระหว่างการใช้เครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากาก ร่วมกับการ รักษาด้วยยาแบบมาตรฐานและการรักษาด้วยยาแบบมาตรฐาน


วิธีดำเนินการวิจัย : สุ่มผู้ป่วยโรคหอบหืดที่มีอาการหอบเฉียบพลันแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ให้ได้รับการรักษาโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ แบบหน้ากากร่วมกับการรักษาด้วยยาแบบมาตรฐาน และการรักษาด้วยยาแบบมาตรฐาน ผลลัพธ์วัดจากอัตราการนอนโรงพยาบาล อัตราการใส่ท่อช่วยหายใจ ระยะเวลานอนโรงพยาบาล จำนวนครั้งการพ่นยา ร้อยละการเปลี่ยนแปลงค่าอัตราความเร็วสูงสุดของ ลมที่เป่าอากาศขณะหายใจออกเต็มที่ กลุ่มที่ใส่เครื่องช่วยหายใจโดยใช้หน้ากาก ตั้งค่าความดันขณะหายใจเข้าและความดันคงค้าง ขณะหายใจออก เริ่มที่ 10 และ 5 เซ็นติเมตรน้ำ ตามลำดับ โดยปรับความดันขณะหายใจเข้า เพิ่มทีละ 2 เซ็นติเมตรน้ำ (ค่าสูงสุดไม่เกิน 20 เซ็นติเมตรน้ำ)


ผลการวิจัย : ผู้ป่วยจำนวน 61 ราย ได้รับการรักษาโดยใช้เครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากากร่วมกับการรักษาด้วยยาแบบมาตรฐาน 30 คน และการรักษาด้วยยาแบบมาตรฐาน 31 คน ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มมีอัตราการใส่ท่อช่วยหายใจไม่แตกต่างกัน (กลุ่มรักษาด้วยยา 0 % กลุ่มใช้เครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากาก 0 % p=NA) แต่อัตราการนอนโรงพยาบาลในกลุ่มใช้เครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากาก น้อยกว่ากลุ่มรักษาด้วยยาแบบมาตรฐานอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (30 % และ 48.4 % ตามลำดับ p=0.142) ในกลุ่มใช้ เครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากากสามารถลดระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาล (กลุ่มรักษาด้วยยา 46.8+17.2 ชั่วโมง กลุ่มใช้ เครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากาก 37.9+12.4 ชั่วโมง p=0.024) ลดจำนวนครั้งการพ่นยา (กลุ่มรักษาด้วยยา 31.2+13.6 ครั้ง กลุ่มใช้ เครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากาก 25.1+8.8 ครั้ง p=0.044) และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด ได้ดีกว่ากลุ่มที่ได้รับการรักษา ด้วยยาแบบมาตรฐานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ


สรุป : การใช้เครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากากร่วมกับการรักษาด้วยยาแบบมาตรฐาน สามารถลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ แต่ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และสามารถช่วยลดระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาล ลดจำนวนครั้งการพ่นยาและ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอดได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งจะทำให้ลดความหนาแน่นของผู้ป่วยที่ต้องอยู่โรงพยาบาล หรือในห้องฉุกเฉินได้

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
Putthapibal, P., & Saibuatong, A. (2019). เปรียบเทียบอัตราการนอนโรงพยาบาลระหว่างการใช้เครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากาก และการรักษาด้วยยาแบบมาตรฐานในผู้ป่วยโรคหอบหืดที่มีอาการหอบเฉียบพลัน ณ ห้องฉุกเฉิน รพ.ภูมิพลอดุลยเดช พอ. แพทยสารทหารอากาศ, 65(1), 38–45. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/rtafmg/article/view/193187
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

โรจน์แสงเรือง พร. การช่วยหายใจโดยใช้หน้ากากในภาวะหอบฉุกเฉิน ( Noninvasive Mechanical Ventilation in respiratory

emergency care ). 2550.

Craig D, Steve B, Mark E. BTS/ICS Guidelines for the ventilatory management of acute hypercapnic respiratory

failure in adults. Thorax an International Joornal of Respiratory Medicine 2016; April:71-75.

Sangetta M, Nicholas SH. Noninvasive Ventilation. Aerical Journal of Respiratory and Critical Care Medicine

;Feb:540-77.

Adaira L, Mark F, Alex K. Does Noninvasive Positive-Pressure Ventilation Improve Outcomes in Severe Asthma

Exacerbations? Anaul of Emergency Medicin. 2013;6(Dec):62-8.

ข้อมูลสถิติคนไข้โรคหอบหืดที่มารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ปี 2557-2559.

Dheeraj DM, Alok N, Ritesh AD, Digamber B. A Prospective Randomized Controlled Trial on the Efficacy of

Noninvasive Ventilation in Severe Acute Asthma. Respiratory Care 2010;5(May):55-8.

Arie S, David S, Isaac S. A Pilot Prospective, Randomized, Placebo-Controlled Trial of Bilevel Positive Airway

Pressure in Acute Asthmatic Attack. Chest 2003;4(April):123-6.

Mihaela SS, Brian HN, Tara L, Aruna P, Penelope SP, Jay SS, Nicholas SH, Robert JG, David MK, Peter KL.

Outcomes of Noninvasive and Invasive Ventilation in Patients Hospitalized with Asthma Exacerbation. Annals

ATS 2016;7(July):13-7.

Soroksky A, Klinowski E, Ilgyev E, Mizrachi A, Miller A, Ben TY, Shpirer I, Leonov Y. Noninvasive positive

pressure ventilation in acute asthmatic attack. European Respiratory Review 2010;19:115-18.

FitzGerald HR, Randdel H, Boulet LP. Pocket guide for asthma management and prevention [Intenet]. 2016 [cite

Jan 18]; Aviable from https://ginasthma.org/wp-content/uploads/2016/05/WMS-GINA-2016-main-Pocket-

Guide.pdf