คุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพ กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลแสวงหา จังหวัดอ่างทอง
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลแสวงหา จังหวัดอ่างทอง กลุ่มตัวอย่างจำนวน 33 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถาม ข้อมูลส่วนบุคคล และแบบวัดคุณภาพชีวิตการทำงาน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยผู้วิจัย ระหว่างวันที่ 15 - 31 มีนาคม 2561 วิเคราะห์ ข้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติอนุมานได้แก่ t-test และ F-test
ผลการวิจัยพบว่า พยาบาลวิชาชีพมีคุณภาพชีวิตการทำงานอยู่ในระดับปานกลางร้อยละ 100 (X = 3.14, S.D. = 0.17) และกลุ่มที่มีรายได้ต่างกัน มีคุณภาพชีวิตต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยกลุ่มที่มีรายได้ < 30,000 บาท มีคุณภาพ ชีวิตการทำงานสูง กลุ่มที่มีรายได้ 30,001 – 40,000 บาทซึ่งเป็นกลุ่มที่ปฏิบัติงานเป็นเวรผลัด เช้า บ่าย ดึก ส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าเวร มีคุณภาพชีวิตการทำงานต่ำ ส่วนตัวแปรอื่น ๆ ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ และเมื่อพิจารณารายข้อพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีคะแนน เฉลี่ยระดับคุณภาพชีวิตการทำงานสูงที่สุดคือการมีโอกาสได้สร้างความสัมพันธ์และกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับผู้บังคับบัญชา และผู้ร่วมงาน (X = 3.84, S.D. = 0.56) ส่วนข้อที่มีคะแนนเฉลี่ยระดับคุณภาพชีวิตการทำงานต่ำที่สุดคือการเลื่อนตำแหน่งไปสู่ ระดับที่สูงขึ้นเป็นไปได้ยาก (X = 2.15, S.D. = 0.71)
ข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัยคือควรส่งเสริมคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพ โดยเฉพาะกับพยาบาลวิชาชีพ ที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงและเป็นเวรผลัด เช้า บ่าย ดึก ในด้านการจัดหาอัตรากำลังเพิ่มหรือหาบุคลากรอื่น ที่สามารถช่วยงานของพยาบาลวิชาชีพได้ รวมถึงการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการที่ชัดเจนในเรื่องความก้าวหน้าและ ความมั่นคงในงาน เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพในกลุ่มการพยาบาลให้สูงขึ้น
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพฺเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร
เอกสารอ้างอิง
การทำงานของพยาบาลวิชาชีพใน ประเทศไทย. นนทบุรี: สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระดับประเทศ กระทรวง สาธารณสุข.
2. กฤษดา แสวงดี. (2552). ตารางชีพการทำงานและการฉายภาพอุปทานกำลังคนพยาบาลวิชาชีพในประเทศไทยในระยะ 15 ปีข้างหน้า
(พ.ศ.2551-2565). วิทยานิพนธ์หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาประชากรและพัฒนา คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร
ศาสตร์.
3. ประสิทธิ์ วัฒนาภา. (2556). สถานการณ์การลาออกจากวิชาชีพพยาบาล: วิกฤติที่เกิดขึ้นและการเยียวยา. คณะแพทยศาสตร์ศิริราช
พยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: http:// www.nci.go.th/tons, (12ธันวาคม).
4. Best, J.W. (1970). Research In Education. (2nd ed). Englewood Cliffs, New Jersey : Prentice Hall.
5. ลลิศรา สุขิโตวัฒน์. (2559) . คุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพสาขาอายุรศาสตร์ในวัยและโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิม
พระเกียรติ.สารนิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิทยาการชะลอฟื้นฟูสุขภาพ วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจ
บัณฑิตย์.
6. ประภารัตน์ พรมเอี้ยง และคณะ. (2558) . คุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลนครปฐม. วาสารสาธารณสุข ปีที่ 24
ฉบับที่ 4 769-778
7. เพียงใจ โพธิ์เงิน, ชุลีรัตน์ สาระรัตน์, ภาณุ อดกลั้น. (2559).คุณภาพชีวิตการทำงานพยาบาลวิชาชีพ. วารสาพุทธชินราชเวชสาร ปีที่ 33
ฉบับที่ 2 , 200-206
8. วิรัช สงวนวงศ์วาน ณัฐณิชา ปิยปัญญา.(2560).คุณภาพชีวิตในการทํางานของพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนกรุงเทพมหานคร.
วารสารวิชาการเซาธ์อีสท์บางกอก. 77 - 90
9. กัลยา กังสนันท์ และวิภาวรรณ กลิ่นหอม . (2560) . คุณภาพชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลชุมชนเขตพื้นที่1 จังหวัด
นครศรีธรรมราช. วารสารวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ . 72-82.